MFC : Barbell Strategy โอกาสทยอยสะสมหุ้น

Dollar Index ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงเดือนมีนาคม สร้างแรงกดดันต่อหุ้นตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามเรามองว่าการแข็งค่ารอบนี้ไม่ได้นำไปสู่วัฎจักรขาขึ้นของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯในระยะยาว ทำให้การย่อตัวของหุ้นตลาดเกิดใหม่ที่อาจเกิดขึ้นหลังจากนี้เป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นเพื่อรับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่ในระยะยาว

ในช่วงกลางเดือนมีนาคม นักลงทุนเริ่มให้ความสนใจกับ Dollar index ที่ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง ซึ่งอาจกดดันตลาดหุ้นให้เกิดการปรับฐานได้ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่อาจจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการปรับตัวขึ้นของ Dollar index มากที่สุดในระยะสั้น เนื่องจากดัชนี MSCI emerging market และ Dollar index มีค่า สหสัมพันธ์ (correlation) ที่ -0.55 โดยที่ Dollar index ในช่วงนี้มีการปรับตัวขึ้นมา เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะฟื้นตัวได้ดีในปี 2564 จากการมีจำนวนผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนจำนวนมาก และรัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินมาก รวมถึงความไม่นอนในเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนและการกลับมาระบาดใหม่อีกครั้งของโควิด 19 ในกลุ่มประเทศยุโรปทำให้เงินไหลเข้าหาสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามเรายังคงมองว่าค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ จะมีแนวโน้มอ่อนค่าในระยะยาว เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่กดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าในระยะยาว ดังนี้

1) สหรัฐฯ ขาดดุลทั้งดุลงบประมาณและบัญชีเดินสะพัด (Twin Deficit)

2) ส่วนต่างของ real yield ระหว่างพันธบัตรสหรัฐฯ กับพันธบัตรประเทศอื่น ๆ มีค่าติดลบ ซึ่งหมายถึง real yield ของพันธบัตรสหรัฐฯ ต่ำกว่าประเทศอื่น ภาพด้านล่างเป็นภาพที่แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง Dollar index และส่วนต่างของ real yield ระหว่างพันธบัตรสหรัฐฯ กับพันธบัตรประเทศอื่น พบว่ามีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน โดยปัจจุบันส่วนต่างของ real yield มีค่าติดลบและมีทิศทางปรับลดลงทำจุดต่ำสุดใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลให้ Dollar index ปรับตัวลงในอนาคต

ถึงแม้ว่าในระยะสั้น Dollar index จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ดี จนส่งผลกระทบต่อหุ้นตลาดเกิดใหม่ ให้ปรับฐาน

แต่ในระยะยาวยังมีอีกหลายปัจจัยที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อหุ้นตลาดเกิดใหม่ ในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นในตลาดเกิดใหม่ที่ย่อตัวลงมาค่อนข้างมาก

Recommended Funds

MGTECH:
หุ้นขนาดกลางและเล็กมักจะมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในช่วงที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ในขณะที่กลุ่มเทคโนโลยียังคงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจลงทุนในระยะยาว การปรับฐานในระยะสั้นจึงเป็นโอกาสทยอยลงทุนสะสม

MGF:
กองทุนหุ้นทั่วโลก เน้นลงทุนในหุ้นเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) ซึ่งให้ผลตอบแทนดีและฟื้นตัวจากความผันผวนได้ดี กองทุนคัดสรรเลือกหุ้นคุณภาพที่เติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ Environment Social Governance (ESG) การปรับฐานของหุ้นเติบโตในระยะสั้นจึงเป็นโอกาสทยอยลงทุนสะสม

M-MIDSMALL:
กองทุนหุ้นไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นชนะดัชนี SET TRI ในปีที่ผ่านมา การเติบโตของหุ้นขนาดกลางและเล็กทั่วโลกผนวกกับการเลือกหุ้นที่ยอดเยี่ยม ทำให้กองทุนมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าดัชนีตลาดหุ้นไทย

M-FOCUS:
กองทุนหุ้นไทยที่บริหารพอร์ตการลงทุนแบบ Active ผู้จัดการกองทุนมีความเชี่ยวชาญในการคัดสรรหุ้นโดยมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโตสูงและมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน กองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 บริษัท โดยตั้งแต่ต้นปีสร้างผลตอบแทน +22.47% ขณะที่ SET TRI Index ปรับขึ้น +9.11%

MEURO:
ตลาดหุ้นยุโรปยังเป็นตลาดที่ Laggard อยู่และมีมูลค่า (Valuation) ที่ค่อนข้างถูก ตลาดหุ้นยุโรปยังมีศักยภาพในการเติบโตที่ดี โดยคาดว่าในปี 2565, Earning Growth จะเติบโตมากที่สุดในโลก รวมถึงยุโรปสามารถควบคุมโควิด19 ได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นยุโรป แนะนำลงทุนระยะยาว