หุ้น GL พุ่งเกือบซิลลิ่งรับผลสอบบัญชีเงินกู้ไซปรัสไม่พบผิดกม.

นักลงทุนเก็งกำไรหุ้น GL พุ่งแรง 29% หลังสำนักงานตรวจสอบบัญชีในสิงคโปร์ไม่พบหลักฐานบ่งชี้เงินให้กู้ยืมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย พร้อมแก้ไขงบปี 60 ขาดทุนลดลงเหลือ 1.6 พันล้านบาท จาก 1.8 พันล้านบาท จากค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตีกลับและยุติรับรู้รายได้ดอกเบี้ยสินเชื่ออยู่ระหว่างข้อพิพาท

หุ้น GL เปิดตลาดพุ่งแตะ 5.35 บาท ซึ่งเป็นราคาต่ำสุดของเช้านี้ หลังจากนั้นไต่ขึ้นสูงสุด 6.65 บาท พุ่ง 29% และล่าสุดเวลา 10.22 น. อยู่ที่ 6.55 บาท บวก 1.40 บาท หรือ 27.18% มูลค่าการซื้อขาย 48.69 ล้านบาท

บริษัท กรุ๊ปลีส (GL) แจ้งว่าบริษัท มาร์ซาร์ส จำกัด ซึ่งเป็นสำนักงานตรวจสอบบัญชีในประเทศสิงคโปร์ ที่ได้ทำการตรวจสอบบัญชีพิเศษสำหรับรายการเงินให้กู้ยืมแก่ผู้กู้กลุ่มไซปรัสและผู้กู้กลุ่มสิงคโปร์ (Special Audit) นั้น ได้จัดทำรายงานการตรวจสอบ (factual finding in connection with agreed-upon procedures) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 ไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่ชี้ว่าเงินให้กู้ยืมนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับงบการเงินรายปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558, 2559 และ 2560 อีกทั้ง ยังไม่พบหลักฐานใด ๆ ที่ชี้ว่าผู้กู้นั้นถูกควบคุม หรือครอบครองโดยบริษัท

สำหรับวิธีการตรวจสอบดังนี้ 1. ตรวจสอบความมีอยู่จริงของสิทธิและหน้าที่ตามรายการเงินให้กู้ยืม โดยการพิจารณาเอกสารของบริษัท 2. ตรวจสอบสถานะของเงินให้กู้ยืมแก่ผู้กู้ และตรวจสอบประวัติของผู้กู้เพื่อยืนยันว่าผู้กู้ไม่ได้เป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท และ3. ตรวจสอบผลการยืนยันทางกฎหมายที่จัดส่งโดยที่ปรึกษากฎหมายของบริษัท ในประเทศสิงคโปร์

ด้านผลการดำเนินงานงวดปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2560 ฉบับแก้ไขตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งนั้นบริษัทฯ ขาดทุนสุทธิ 1,603.21 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 1.051 บาท จากงวดปี 2559 กำไรสุทธิ 830.07 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.544 บาท

บริษัทฯ มีผลขาดทุนสุทธิลดลง 215.50 ล้านบาทจากที่เปิดเผยไปก่อนหน้านี้ขาดทุนสุทธิ 1,822.55 ล้านบาท เป็นผลมาจากการกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้เงินให้กู้ยืมจำนวน 177.25 ล้านบาทและการยุติรับรู้รายการรายได้ดอกเบี้ยทั้งหมดที่เคยรับรู้จากสินเชื่อที่อยู่ระหว่างข้อพิพาทจำนวน 392.75 ล้านบาท

สำหรับกำไรปี 2559 เป็น 829.04 ล้านบาท ลดลง 233.78 ล้านบาทจากงบการเงินที่ได้เปิดเผยไปก่อนหน้านี้้ เป็นผลจากการยุติการรับรู้รายการรายได้ดอกเบี้ยทั้งหมดที่เคยรับรู้จากสินเชื่อที่อยู่ระหว่างข้อพิพาท