BGRIM หวังติด DJSI ปี 65 มั่นใจปีนี้กำไรโต

HoonSmart.com>>“บี.กริม เพาเวอร์” มุ่งสู่ความยั่งยืน หวังถูกเลือกเข้า DJSI ในปี 2565 มั่นใจปี 64 ความต้องการใช้ไฟโต 10-15% ดีลซื้อกิจการสรุปไตรมาส 3  คาดในประเทศคาดได้กำลังการผลิต 300-360 เมกะวัตต์  ต่างประเทศ  230-250 เมกะวัตต์ แถมได้ส่วนต่อขยายอีก 150 เมกะวัตต์ เตรียมประมูลและซื้อโรงไฟฟ้า PPA เพิ่มอีก 1 พันเมกะวัตต์ ตั้งเป้า IRR ที่ 10-12% จ่อนำเข้าก๊าซ LNG ล็อตแรก 2.5 แสนตัน ปี 65  ขอเพิ่มอีก 5.5 แสนตัน

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM)ได้ร่วมลงนามในสัญญาว่าจ้างปลูกสวนป่าเศรษฐกิจ จำนวน 250 ไร่ ร่วมมือกับองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (อ.อ.ป) เพื่อปลูกไม้เศรษฐกิจ 8 ชนิด รวม 27,500 ต้นกล้า ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี  กำหนดปลูกเสร็จเดือน พ.ย. 2564 เพื่อสร้างความอุดมสมบูรณ์ และความยั่งยืนให้กับระบบนิเวศน์ เมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2564ที่ผ่านมา

ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ในปี 2593 ซึ่งเป็นแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจ  หันมาใช้เชื้อเพลิงทางเลือกมากขึ้น และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เดินหน้าขยายพื้นที้ป่าอย่างต่อเนื่อง ตามโจทย์การพัฒนาการองค์กรอย่างยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่จะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices :DJSI) ในปี 2565 ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนตามมาตรฐานระดับโลก

ด้านธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯเริ่มเห็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น  โดยในช่วง 2 เดือนแรก มีปริมาณการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 4%  ภาพรวมทั้งปีคาดว่าจะเติบโตประมาณ 10-15% ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและคาดว่าจะได้ลูกค้าใหม่เพิ่มอีก 76 เมกะวัตต์

นอกจากนี้ในอนาคตตามการผลักดันให้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าของภาครัฐ จะส่งผลบวกต่อความต้องการใช้ไฟฟ้าที่จะเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการติดตั้งสถานีชาร์จใน 9 นิคมอุตสาหกรรมก่อน ในเบื้องต้นกำลังมองหาพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศในการร่วมลงทุนครั้งนี้ ในอนาคตจะนำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยจะพัฒนาระบบโครงข่ายสำหรับส่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบครบวงจร (Smart Grid) และพัฒนา Smart Industrial Park ต่อไปในอนาคต ตามกระแสของโลก

ขณะที่แผนการซื้อกิจการในปีนี้ตั้งเป้าจะได้กำลังการผลิตในประเทศประมาณ 300-360 เมกะวัตต์ ส่วนต่างประเทศจะได้ประมาณ 230-250 เมกะวัตต์ ซึ่งมีสัญญาส่วนต่อขยายเพิ่มอัก 150 เมกะวัตต์ คาดว่าจะรู้ผลชัดเจนการเข้าซื้อกิจการในช่วงไตรมาส 3 มีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ที่ประมาณ 10-12% นอกจากนี้มีแผนที่จะประมูลและซื้อโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) อีกประมาณ 1,000 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ โดยได้ยื่นขอนำเข้าทั้งหมดปริมาณ 650,000 ตัน  ครั้งแรกจะนำเข้ามาปริมาณ 250,000 ตัน เพื่อนำมาใช้กับโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ก่อน 5 แห่ง โดยจะนำเข้าปริมาณทั้งหมดได้ในปี 2565 และจะขอนำเข้าในปีหน้าเพิ่มอีก 550,000 ตัน เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าอีก 13 แห่ง นอกจากนั้นมีแผนที่จะขอเพิ่มหากมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆอีกในอนาคต ส่วนราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในระยะยาวจะมีแนวโน้มที่ถูกลง  ส่งผลต่อต้นทุนของบริษัทถูกลงตามด้วย ถึงแม้ว่าราคาก๊าซธรรมชาติจะขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แต่ปัจจุบันยังปรับตัวขึ้นไม่สูงมาก