HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยการลงทุนในธุรกิจที่ยั่งยืนสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในระยะยาว ชี้พอร์ตลงทุน 11 บจ.ไทยติดดัชนียั่งยืนโลก DJSI ให้ผลตอบแทน 5 ปีอยู่ที่ 49% สูงกว่าผลตอบแทนรวม SET100 อยู่ที่ 38% ทั้งยังหนุนสภาพคล่องเพิ่มสูงขึ้น
ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนไทยมีความโดดเด่นมากในด้านความยั่งยืนและได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงในการจัดทำดัชนี Dow Jones Sustainability Index (DJSI) โดยในปี 2563 มี 11 บริษัทจดทะเบียนไทยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในดัชนีด้านความยั่งยืนระดับโลก DJSI World และมี 21 บริษัทจดทะเบียนไทยอยู่ใน DJSI EM (Emerging Market) ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่องถึง 7 ปี และล่าสุดใน Sustainability Yearbook 2021 ที่จัดทำโดย S&P Global มี 11 บริษัทไทยได้รับรางวัลระดับ Gold Class ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศ
แนวคิดด้านความยั่งยืนมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในการตัดสินใจลงทุน ในปี 2563 มีนักลงทุนสถาบันมากกว่า 3,000 แห่ง ลงนามสนับสนุนหลักการ Principles for Responsible Investment (PRI) โดยองค์การสหประชาชาติ และมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การจัดการรวมมากกว่า 100 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ
การลงทุนที่เน้นความยั่งยืนยังอาจนำมาซึ่งผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยผลการทดลองจัด portfolio ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนไทยตามดัชนี DJSI EM และปรับ portfolio ตามการเปลี่ยนแปลงสมาชิกของดัชนีเป็นรายปี (annual rebalancing) เพื่อศึกษาผลตอบแทนรวมสะสมย้อนหลังประมาณ 5 ปี (4 ม.ค. 2559 จนถึง 17 ก.พ. 2564) พบว่าได้ผลตอบแทนรวมสะสมที่ 51% สำหรับ portfolio ที่ใช้การถ่วงน้ำหนักแบบเท่ากัน (equal weighting) และผลตอบแทนที่ 49% สำหรับ portfolio ที่ใช้การถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด (market cap weighting) ซึ่งสูงกว่าผลตอบแทนของ SET100 TRI ที่ 38%
หลักทรัพย์ของบริษัทที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืนยังอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้นอีกด้วย โดยภายหลังจากเข้าร่วมดัชนี DJSI EM สภาพคล่องหรือมูลค่าซื้อขายโดยเฉลี่ยของหลักทรัพย์ไทยในดัชนีดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากการทดลองสร้าง portfolio ตามดัชนี DJSI EM ข้างต้น นอกจากในแง่ผลตอบแทนแล้ว พบว่าหลักทรัพย์ใน portfolio มีสภาพคล่องที่สูงอีกด้วย โดยหากพิจารณามูลค่าการซื้อขายใน Non-Voting Depository Receipt (NVDR) ซึ่งเป็นตราสารหรือช่องทางการลงทุนที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนต่างประเทศ ในช่วง 3 ปีก่อน จนถึง 3 ปีหลังเข้าร่วมดัชนี จะพบว่ามูลค่าการซื้อขายโดยเฉลี่ยของ 21 หลักทรัพย์ไทยที่อยู่ในดัชนี DJSI EM ผ่าน NVDR เพิ่มขึ้นประมาณปีละ 11% (มูลค่าซื้อขายโดยรวมเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 4%) โดยเกือบทุกหลักทรัพย์ใน portfolio มีมูลค่าการซื้อขายใน NVDR อยู่ในอันดับต้น ๆ ของกลุ่มอุตสาหกรรม
มูลค่าการซื้อขาย NVDR สุทธิในแต่ละปีของหลักทรัพย์ไทยในดัชนี DJSI EM โดยเฉลี่ยมีสถานะเป็นซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องทั้งในปีก่อนและหลังเข้าดัชนี ทำให้มูลค่าซื้อสุทธิสะสม (cumulative net buy) โดยเฉลี่ยของ 21 หลักทรัพย์ไทยที่อยู่ในดัชนี DJSI EM เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตรการเติบโตในช่วง 3 ปีก่อนจนถึง 3 ปีหลังเข้าร่วมดัชนีประมาณปีละ 32%