ดีบีเอสฯ ยก BDMS เด่นสุด เล่นสั้น CHG-BCH

HoonSmart.com>>บล.ดีบีเอสฯมองหุ้นโรงพยาบาลได้รับผลบวกนำเข้าวัคซีนโควิด กำไรปีนี้ดีขึ้น แต่ยังโตไม่เท่าปี 62 คาด BDMS ขยายตัว 20%  BH พุ่งแรง 78%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) วิเคราะห์ว่า การใช้วัคซีนโควิด-19 เป็นบวกกับโรงพยาบาลเอกชน โดยเฉพาะ BDMS ที่มีโรงพยาบาลในเครือ 49 แห่ง, BCH มี 13 แห่ง และ CHG มี 9 แห่ง แต่ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนในเรื่องปริมาณ และราคา ค่าบริการ

BDMS ได้ติดต่อกับบริษัทยาที่จะนำเข้าวัคซีนโควิดแล้ว ,THG เจรจากับผู้ผลิตวัคซีน, BCH เข้าถึงผู้ผลิตแล้ว ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ สปุทนิค,BH จะร่วมมือกับโรงพยาบาลเอกชนในเครือและ VIBHA ร่วมมือกับกลุ่มโรงพยาบาลรามคำแหงในการนำเข้าวัคซีน

“ให้น้ำหนักมากกว่าตลาดสำหรับกลุ่มโรงพยาบาล โดยให้ CHG และ BCH เป็นหุ้นเด่น สำหรับการลงทุนระยะสั้น-กลาง จากกำไรที่ขยายตัวดีต่อเนื่องจากคนไข้ประกันสังคม คนไข้ประกัน/เงินสดที่เพิ่มขึ้น และให้ BDMS เป็น Top pick สำหรับการลงทุนระยะยาว “บล.ดีบีเอสฯระบุ

ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการโรงพยาบาลใหญ่ (BDMS, BH) จะเริ่มฟื้นตัวในปีนี้ แต่กำไรสุทธิจะยังไม่ถึงระดับกำไรปี 2562 ก่อนมีโควิด-19 เพราะคนไข้ต่างชาติยังเข้ามาได้ไม่มาก (ปี 2562 ก่อนโควิดทาง BDMS มีรายได้จากคนไข้ต่างชาติ 30% ของรายได้รวม ส่วน BH อยู่ที่ 67%) ประมาณการกำไรปีนี้ของ BDMS จะเติบโต 20% (สู่ระดับ 71% ของกำไรปี 2562) และ BH โต +78% (57% ของกำไรปี 2562) สำหรับโรงพยาบาล CHG, RJH, BCH และ RPH คาดว่าจะมีกำไรเติบโตต่อเนื่องที่ +14%, +13%, +10%, +24% ในปี2564

สำหรับการใช้วัคซีนโควิด-19 แพร่หลายขึ้นทั่วโลกมีการใช้กว่า 359 ล้านโดสใน 122 ประเทศ ณ 15 มี.ค.2564 รัฐบาลไทยมีแผนใช้วัคซีนโควิดที่ 10 ล้านโดสต่อเดือนในครึ่งปีหลัง ผ่านการฉีดของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน 1,000 แห่ง (1,000 โรงพยาบาลx500 โดสต่อวันx20 วันต่อเดือน) โดยอนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนโควิดที่ได้รับอนุญาตจากอ.ย.ได้ แต่ไม่สามารถนำเข้าวัคซีนจากผู้ผลิตในสหรัฐและยุโรปโดยตรงได้ ต้องซื้อจากตัวแทนของรัฐบาล ส่วนการนำเข้าวัคซีนจากจีน อินเดีย และรัสเซีย ทางโรงพยาบาลเอกชนสามารถซื้อจากดีลเลอร์ หรือนำเข้าโดยตรงจากผู้ผลิตแต่ต้องตั้งเป็นรูปบริษัทและมีใบอนุญาตนำเข้าด้วย กระบวนการขออนุญาตจากอ.ย.ใช้เวลา 30-90 วัน