คุ้ย แคะ แกะ เกา : มายาย่อมปะปนในสัจจะ

โดย..รัสปูติน

www.HoonSmart.com “เสนอความจริง ทุกการลงทุน” ปีที่ 1 วันที่ 31 ก.ค. 2561

* 1,700 จุด คือตัวเลขปิดตลาดวันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม ก่อนหยุดยาว 4 วัน คำถามที่หลายคนอยากรู้เช้าวันสิ้นเดือนนี้คือ ดัชนี SET จะไปต่อหรือไม่ หรือจะจบรอบ ตูข้าขอบังอาจตอบตามประสบการณ์ว่าช่วงเทศกาลประกาศงบ ดัชนีมักจะแกว่งแคบจนกว่าจะหมดเทศกาล ด้วยเหตุผล 2 ข้อคือ … หุ้นธนาคารโดยรวมกำไรสวยขึ้น แม้ปันผลกลางปีต่ำ และ.. หุ้นอื่นโดยเฉพาะตัวใหญ่เลือกจ่ายปันผลกลางปีเพิ่ม ประคองราคาหุ้น ตัวอย่างกรณี SCC เป็นแค่น้ำจิ้มรายอื่นจะตามมาอีกเพียบ

* ภาพรวมของตลาดหุ้นยามนี้ ถือว่าปัจจัยบวกลบย้อนแย้งก้ำกึ่งกัน ที่ยุโรป ที่ประชุม ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ขณะย้ำเตรียมยุติมาตรการ QE สิ้นปีนี้ แต่มีคนไม่เชื่อ ย้ำว่าถึงยกเลิกก็แค่ประกาศ ของจริงต้องตุลาคมปีหน้าโน่นแหละ.. แต่ข่าวดีเรื่องการเจรจาระหว่างสหรัฐ-ชาติ NAFTA (แคนาดา-แม็กซิโก) (ชะลอการขึ้นภาษีรถยนต์แลกกับเปิดตลาดใหม่ในการส่งออกสินค้าเกษตร) และ ไม่ขึ้นภาษีรถยนต์จากยุโรป แตปัญหาหลักเรื่องสหรัฐ-จีน ยังไม่มีท่าทีการเจรจา มิหนำซ้ำโดยทั้งคู่เตรียมออกนโยบายช่วยเหลือบริษัท, เกษตรกรประเทศที่ได้รับผลกระทบ (ต่อ) นั่นแสดงถึงยังไม่น่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ประกอบกับเตรียมขึ้นภาษีครั้งที่ 2 ในสัปดาห์หน้าอีก 1.6 หมื่นล้านเหรียญ … ไม่ใช่ข่าวดีจริง เพราะสินค้าจากไทยที่ส่งไปจีนในฐานะชิ้นส่วนใน “ห่วงโซ่อุปทาน” ของจีน ยังไงก็ต้องเดือดร้อน.. สูงเจ้าอย่า “โลกสวย” จนแยกมายาที่แทรกในสัจจะไม่ได้กันล่ะ

* เมื่อวานตลาดหุ้นไทยยังปิดชดเชย แต่ตลาดหุ้นเอเชียแดงทั่วหน้าจากแรงขายทำกำไรหุ้นเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต ที่เจอกำไรของเฟสบุ๊กและทวิตเตอร์ย่ำแย่ เพราะแพลตฟอร์มเริ่มไม่ทำเงิน พากันลืมเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินและดอกเบี้ยขาขึ้นชั่วคราว

* ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐในไตรมาส 2 จะขยายตัวขึ้น ส่งสัญญาณดอกเบี้ยขาขึ้นระลอกใหม่ แต่การออกโรงของโดนัลด์ ทรัมป์ที่ออกแตะเบรกโวยวายว่าเฟดฯคือไอ้ตัวร้าย ทำให้นักลงทุนชักเรรวน ต้องรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น ธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางอังกฤษ ในสัปดาห์นี้ว่า จะปรับเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือไม่ โดยเฉพาะ เฟดฯ เพื่อประเมินแนวโน้มของเฟดว่า จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งก่อนที่จะถึงสิ้นปีนี้หรือไม่ แต่ที่สำคัญ ตัวเลขยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ แอปเปิล, เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์, บาร์เคลย์ส, เทสลา, โตโยต้า ,บีเอ็มดับบลิว และริโอ ทินโต จะบอกทิศทางชัดเจนกว่าภาพรวม

* ที่แน่นอนไม่มายา คือ ตัวเลขพลเมือง สปป.ลาวที่ตายไปจากเขื่อนที่ก่อสร้างทางตอนใต้ของประเทศนั้นแตก ล่าสุดมากกว่า 120 คนยังสูญหายอีกใกล้ตัวเลข 1,200 คนทุกขณะ ไม่ใช่แค่เรื่องปัดสวะแถลงข่าวของใครต่อใคร มันเป็นฝันร้ายของการพัฒนาที่บริษัทไทยเข้าข้องแวะด้วยอย่าง RATCH ที่ถือหุ้นใหญ่โดย กฟผ. ต้องเผชิญวิกฤตภาพลักษณ์ไปอีกนาน… ชีวิตคน ไม่ใช่ผักปลาหรือแค่ตัวเลข…อย่าถามตูข้าเลยว่าควรขายหรือซื้อ
RATCH

* นี่ก็หางเลข ที่ปรึกษาโครงการเขื่อนแตกอย่าง TEAMG ราคาถูกข่าวลือทุบร่วงผอย ทั้งที่ควรซื้ออย่างยิ่ง ราคาหลุดจอง 2.36 บาท ควรซื้อมากกว่าขายตามแบบกระต่ายตื่นตูม เพราะแค่ที่ปรึกษาเท่านั้น จะให้รับผิดชอบอะไรมากมาย..นะสูเจ้า

* นี่ก็ไม่ใช่มายา เพราะการเพิ่มทุน 5 เท่าของ GPSC ใช้ซื้อหุ้น GLOW เพื่อไม่ให้ผิดกติกา backdoor เดือดร้อนแม่และยายอย่าง PTTGC และ PTT โดยรายแรกต้องปล่อยเงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน 12 เดือน (Bridging Loan) ในวงเงินไม่เกิน 8,000 ล้านบาท ส่วนรายหลังปล่อยกู้วงเงินไม่เกิน 27,000 ล้านบาท เงินกู้นี้ (ไม่ยอมบอกดอกเบี้ยเสียอีก) อนาคตจะแปลงเป็นเงินเพิ่มทุนไป ไม่ต้องคืน…เลี้ยงลูกแบบเจ้าบุญทุ่มก็ใช้เงินล้างผลาญแบบนี้แหละ สูเจ้าอย่าร้อนรนไปใย

* ข้ออ้างว่า “ไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ” แต่ยอมรับว่า”การเข้าทำสัญญาเงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวเข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน” ฟังยังไงก็พิลึก เพียงแต่ “ตูข้าไม่ได้ถือหุ้นทั้งสามตัวเครือ ปตท. จึงเฉยๆ ทำใจอุเบกขาได้ ส่วนคนที่”กินปูนร้อนท้อง”…ชั่งหัวมัน

* รายนี้ หุ้นใหญ่ แม้มีกรรม เพราะส่วนต่างปิโตรเคมีไม่สวย และปูน/วัสดุก่อสร้างไม่กระเตื้อง แต่บุญเก่าเยอะ เพราะธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ยังทำกำไรได้ดี และมีข่าวกำไรพิเศษหนุนไตรมาสสาม ขายหุ้น “Alliance Petrochemical” ในสิงคโปร์ คาดบันทึกกำไรประมาณ 770 ล้านบาท ก็ยังมีลูกเล่น แต่ราคาเหนือ 450.00 บาทน่าจะแพงเกินไปยามนี้

* สัปดาห์นี้ แม้ตลาดทำท่าไปต่อยากเหนือแนวต้าน 1,720 จุด แต่หุ้นผู้กล้าขาย IPO รายล่าสุดก็เคาะราคามาแล้ว บริษัท เอ็ม วิชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MVP มีอันเดอร์ไรเตอร์หลัก บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) จำนวน 70 ล้านหุ้น คิดเป็น 35% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ราคาจอง อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว 1.90 บาท ที่พี/อี 15 เท่า งานนี้บิ๊กป้อม สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม การันตีเอง ว่าไม่แฉไฉ แม้ไตรมาสแรกกำไรไม่สวย อัตรากำไรสุทธิแค่ 4.5%…บอกได้แค่ว่าอย่าเอาอดีตมาวัดอนาคตเลย