บิ๊กบจ.ขายหุ้นทำกำไร MINT-KEX-ZMICO-SAWAD

HoonSmart.com>>หุ้นยืนเหนือ 1,500 จุุด จุดพลุให้ราคาหุ้นหลายบริษัทวิ่งแรง กรรมการ-ผู้บริหารบจ.ถือโอกาสทยอยทำกำไร “เกล็ดชัย” ประธานเคอรี่ฯ ขาย กำเงินสด 15 ล้านบาท “อานิล ธาดานี่” กรรมการไมเนอร์ฯ ขายเกือบ 7 ล้านหุ้น ได้เงิน 209.64 ล้านบาท  “ประยงค์ แสนนวล” กรรมการสวัสดิ์ฯ ขายหุ้นแม่-ลูก 14 ล้านบาท “มล.ทองมกุฎ” ทิ้ง ZMICO หมดเกลี้ยง ส่วน”อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” บิ๊ก JMART ทุ่ม 125 ล้านบาท ซื้อ 3 ล้านหุ้น เพิ่มพอร์ตเป็น 125 ล้านหุ้น แต่ยังน้อยกว่าเมื่อเดือนก.ย.ปีก่อน กอดไว้ 169 ล้านหุ้น

ตลาดหุ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,544.11 จุด เมื่อวันที่ 5 มี.ค. 2564 ส่งผลบวกต่อราคาหุ้นหลายบริษัท มีผู้บริหารขายหุ้นออกมา โดย นาย เกล็ดชัย เบญจอาธรศิริกุล ประธานกรรมการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 4 มี.ค.ได้ขายจำนวน 280,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 54.38 บาท เป็นเงินประมาณ 15.23 ล้านบาท คงเหลือจำนวน 9,845,700 หุ้น ทั้งนี้วันที่ 5 มี.ค. ราคาหุ้นปิดที่ 54 บาท

ส่วนนาย อานิล ธาดานี่ กรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ได้ขายหุ้น 3 รายการรวมประมาณ 6.90 ล้านหุ้น เป็นเงิน 209.64 ล้านบาท คือวันที่ 3 มี.ค. จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 30.38 บาท เป็นเงิน 121.52 ล้านบาท วันรุ่งขึ้นขายอีก 1,897,300 หุ้น ราคาหุ้นละ 30.50 บาท เป็นเงินประมาณ 57.87 ล้านบาท และในวันเดียวกันได้ขายใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (NVDR) จำนวน1 ล้านหุ้น ราคา 30.25 บาท เป็นเงิน 30.25 ล้านบาท

สำหรับหุ้นบริษัทซีมิโก้ แคปปิตอล (ZMICO)ที่ราคากระโดดมาไกลมากในช่วงนี้ มล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ แจ้งว่าวันที่ 2 มี.ค. ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 1 ล้านหุ้น ราคา 3.11 บาท จากที่เคยถืออยู่ 2 ล้านหุ้นและทยอยขายมาตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 ที่ผ่านมา ในราคาเพียงหุ้นละ 1.06 บาท นอกจากนี้ได้ขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นจำนวน 5 แสนหน่วย ราคาหน่วยละ 1.81 บาทเมื่อวันที่ 2 มี.ค.2564

ด้านนาย ประยงค์ แสนนวล กรรมการ บริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD)แจ้งว่า วันที่ 4 มี.ค.ได้ขายหุ้น 2 แสนหุ้น ราคาหุ้นละ 70.75 บาทเป็นเงิน 14.15 ล้านบาท คงเหลือ 3 แสนหุ้นและขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น 20,000 หน่วยราคา 16.20 บาท เป็นเงิน 3.24 แสนบาท

ขณะที่ นาย อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในฐานะผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ที่สุดของบริษัท เจ มาร์ท (JMART) ได้ใช้เงินจำนวน 89.28 ล้านบาทในการซื้อหุ้นจำนวน 3 ล้านหุุ้น ในราคาหุ้นละ 29.76 บาท เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ทำให้ได้กำไรประมาณ 3.70 ล้านบาท เทียบกับราคาวันที่ 5 มี.ค.ปิดที่ระดับ 31 บาท

อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ได้มาครั้งนี้ทำให้มีหุ้นทั้งหมด  125.25 ล้านหุ้น นับว่าน้อยลงประมาณ 44 ล้านหุ้น เมื่อเปรียบกับที่การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2563 ถือหุ้นจำนวน 169,086,204 หุ้นคิดเป็น 18.65% ของทุนชำระแล้ว