PJW ปี64หวังรายได้โต 5-10% มาร์จิ้นเพิ่ม

HoonSmart.com>>“ปัญจวัฒนาพลาสติก” มั่นใจปี 64 ทุกธุรกิจโตโดดเด่น อัตรากำไรขั้นต้น-ROA ดีขึ้น ตั้งงบลงทุน 150-170 ล้านบาท ใช้ในโครงการที่จีนและปรับปรุงโรงงาน-คลังสินค้าในไทย พร้อมศึกษาแผนการลงทุนเพิ่มเติม คาดชัดเจนครึ่งปีหลัง บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.125 บาทต่อหุ้น  

นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปี 2564 ที่ประมาณ 5-10% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 2,819.83 ล้านบาท โดยเติบโตจากทุกธุรกิจในกลุ่มทั้งบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น ชิ้นส่วนยานยนต์ บรรจุภัณฑ์นมและนมเปรี้ยว และบรรจุภัณฑ์สำหรับสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงบรรจุภัณฑ์เคมีเกษตร

“การเติบโตและการลงทุนโครงการใหม่ๆ จะต้องทำให้อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปีนี้เราลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยวางงบไว้ประมาณ 150-170 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่ประเทศจีน ส่วนในประเทศไทยจะมีการปรับปรุงโรงงาน และคลังสินค้า  สำหรับแผนการซื้อกิจการต้องขอพิจารณาในครึ่งปีหลัง โดยยังมองหาโอกาสการเติบโตในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งเราหวังว่าภาพข้างหน้า เราจะกลับไปมีกำไรที่ระดับ 200 ล้านบาทอีกครั้ง จากปี 2563 มีกำไร115 ล้านบาท ” นายวิวรรธน์ กล่าว

แนวโน้มธุรกิจในประเทศจีน คาดว่ายอดขายจากบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นจะเพิ่มขึ้น จากการที่รับรู้ยอดขายเต็มปี 2564 จากปีที่แล้วรับรู้เพียง 10 เดือน (โรงงานปิด 2 เดือนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19) และกำลังซื้อที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจ คาดว่ายอดขายเฉพาะประเทศจีนจะเติบโตประมาณ 5-10% โดยปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 10% ของยอดขายทั้งหมด

ด้านธุรกิจโซลาร์ลอยน้ำ (Floating Solar) บริษัทยังดำเนินการอยู่  เป็นผู้ผลิตที่มีพันธมิตรกับประเทศจีน รอแผนการเข้าประมูลในโครงการต่างๆของการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

อย่างไรก็ตามราคาเม็ดพลาสติกที่มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมองว่าไม่ได้ส่งต่อต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งบริษัทกำหนดราคาขายกับลูกค้า อีกทั้งมองว่าจะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกเร่งกำลังการผลิตออกมาเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยบริษัทยังมีแผนที่จะลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง  ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น คาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ 20.5% จากปีก่อนที่ 19.51%

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2563 บริษัทมีรายได้รวม 2,819.83 ล้านบาท ลดลง 10.64% จากปีที่ผ่านมา  เนื่องจากยอดขายลดลง เพราะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และการที่ต่างประเทศปิดประเทศในช่วงโควิด-19 ทำให้ไม่สามารถส่งออกไปได้ แต่ บริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทยังมีอัตรากำไรสุทธิที่เติบโตขึ้น โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 115.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.66% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.125 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 71.76 ล้านบาทให้ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในวันที่ 16 เม.ย. กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 12 เม.ย. และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 30 เมษายน 2564 นี้