CHAYO อวดกำไรปี 63 ทุบสถิติใหม่ แจกปันผลหุ้น-เงิน-วอร์แรนต์

HoonSmart.com>>> “ชโย กรุ๊ป” ปี 63 โกยกำไรสุทธิ 154.80 ล้านบาท โต 39.40% รายได้รวม 479.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.40% ผลสำเร็จธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ปล่อยสินเชื่อเติบโต บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญอัตรา 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล เงินสด 0.0037037 บาท/หุ้น พร้อมแจก Warrants เพิ่ม วางงบปี 64 วงเงิน 1,000 ล้านบาท ลุยซื้อหนี้เพิ่มหมื่นล้านตั้งเป้าซื้อหนี้เพิ่ม 1 หมื่นล้านบาท

สุขสันต์ ยศะสินธุ์

นายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า หรือขายของOnline และ TV Shopping เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดปี 2563 มีรายได้รวม 479.12 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 184.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.40% โดยสาเหตุการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดจาก การเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพจำนวน 185.38 ล้านบาท และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากการปล่อยสินเชื่อจำนวน 5.77 ล้านบาท และรายได้จากการขายจำนวน 3 ล้านบาท

ในปี 2563 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 361.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.42 เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 190.00 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิสำหรับปีอยู่ที่ 154.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.40% เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 111.05 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 75.51% ของรายได้

“การเติบโตของรายได้และกำไรในปี 2563 มีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อแก่สินทรัพย์ด้อยคุณภาพ รวมถึงรายได้จากการปล่อยสินเชื่อที่มีหลักประกันและสินเชื่อรายย่อยส่วนบุคคล และรายได้จากการขาย ผ่านช่องทาง Call Center ,TV Shopping และช่องทางออนไลน์ อย่างไรก็ดี ธุรกิจเร่งรัดหนี้สินมีรายได้ 51.32 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 10.05 ล้านบาท หรือลดลง 16.37% มีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการที่ผู้ว่าจ้างมีนโยบายพักชำระหนี้เพื่อช่วยเหลือลูกค้าตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยให้หยุดการติดตาม และยืดระยะเวลาการชำระเงินออกไป หรือลดการจ่ายค่างวดลง อันเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19” นายสุขสันต์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทมีกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขาย 37.24 ล้านบาท และซื้อหนี้เข้ามาบริหารอีกกว่า 15,500 ล้านบาทส่งผลให้มูลหนี้คงค้าง ณ สิ้นปี 2563 บริษัทฯ มีพอร์ตหนี้บริหารอยู่ที่ 65,397 ล้านบาท แบ่งเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกันประมาณ 48,915 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกันประมาณ 16,482 ล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานในปี 2563 จากกำไรสะสมที่ยังไม่ได้จัดสรร โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 15 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล จำนวนไม่เกิน 61,739,790 หุ้น (ทั้งนี้ผู้ที่ใช้สิทธิแปลงในสำคัญแสดงสิทธิหรือแปลง CHAYO-W1 ในวันที่ 31 มี.ค.2563 ก็จะมีสิทธิในการรับปันผลในครั้งนี้ด้วย พร้อมกับมีสิทธิในการรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะออกใหม่หรือ CHAYO-W2 ด้วย) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 30,869,895 บาท หรือคิดเทียบเป็นมูลค่าเท่ากับอัตราการจ่ายปันผล 0.0333333 บาทต่อหุ้น และให้จ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.0037037 บาท หรือคิดเป็นจำนวนเงินประมาณไม่เกิน 3,429,985 บาท โดยบริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 พ.ค.2564 กำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 21 พ.ค.2564

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ชโย กรุ๊ป ครั้งที่ 2 ( CHAYO-W2) จำนวน 125,439,668 ถึงไม่เกิน 246,915,155 หน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) โดยไม่คิดมูลค่าในอัตรา 6 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W2 ถึง 4 หุ้นเดิม ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W2 โดยบริษัทจะจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ CHAYO-W2 ตามหลักเกณฑ์และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ทั้งนี้ผู้ที่ใช้สิทธิแปลงในสำคัญแสดงสิทธิหรือแปลง CHAYO-W1 ในวันที่ 31 มีนาคม 2563 ก็จะมีสิทธิในการรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะออกใหม่นี้หรือ CHAYO-W2 ด้วย)

โดยบริษัทจะเสนอให้ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2564 เพื่อพิจารณาและอนุมัติการจ่ายปันผลและการแจกใบสำคัญแสดงสิทธิหรือ CHAYO-W2 ในวันที่ 27 เมษายน 2564 นี้

ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโตไม่ต่ำกว่า 25% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยตั้งเป้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารเพิ่มเติมอีก 10,000 ล้านบาท ด้วยการตั้งงบลงทุนเพื่อซื้อหนี้ไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าหนี้ด้อยคุณภาพในระบบยังมีอยู่สูงเนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้น สถาบันการเงินจะทยอยขายหนี้ด้อยคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านธุรกิจเจรจา ติดตามและเร่งรัดหนี้สิน ในปี 2564 ตั้งเป้าเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากรายได้ในปีที่แล้วที่อยู่ที่ 51.32 ล้านบาท โดยบริษัทได้เริ่มเห็นการฟื้นตัวของธุรกิจนี้แล้วในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ 2564

ด้านธุรกิจปล่อยสินเชื่อในปี 2564 บริษัทวางเป้ายอดการปล่อยสินเชื่อใหม่เพิ่มอีก 200%ประมาณ 150 – 200 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปี 2563 ที่อยู่ที่ราว 51 ล้านบาท