HoonSmart.com>> ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้นเครื่องหมาย SP ห้ามซื้อขายชั่วคราวหน่วยทรัสต์ SHREIT หลังผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นงบการเงินปี 63 ก.ล.ต.อาจสั่งแก้ไขงบ ด้านธุรกิจถูกกระทบโควิด-19 ฉุดรายได้โรงแรมวูบ ปี 63 ขาดทุน 466 ล้านบาท
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขึ้นเครื่องหมาย SP หลักทรัพย์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก (SHREIT) วันที่ 2 มี.ค.2563 และปลดเครื่องหมายในวันที่ 3 มี.ค. 2564 และขึ้น NP แทน เนื่องจากผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นต่องบการเงินของบริษัทสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อาจสั่งการให้บริษัทแก้ไขงบการเงินได้
บริษัท สตราทีจิก พร็อพเพอร์ตี้ อินเวสเตอร์ส จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ SHREIT เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2563 กองทรัสต์และบริษัทย่อยรายการการลดลงในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (ขาดทุน) 466.19 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 334.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 254.17% จากงวดปี 2562 ซึ่งมีการลดลงในสินทรัพย์สุทธิจากการดำเนินงาน (ขาดทุน) 131.63 ล้านบาท
รายการขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ 210.41 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ลดลง 8.16 ล้านบาท หรือ 3.73% เมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งมีขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุน 218.57 ล้านบาท เนื่องจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมใหม่ของสินทรัพย์โรงแรมในต่างประเทศ ณ สิ้นปี2563
หากพิจารณาผลการดำเนินงานรายปี 2563 โดยตัดรายการรายการขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์จะพบว่ามีผลขาดทุนจากการลงทุนสุทธิ255.78 ล้านบาท หรือคิดเป็นขาดทุนเพิ่มขึ้น 342.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 394.20% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 86.94 ล้านบาท
ด้านรายได้รวมมีจำนวน 99.79 ล้านบาท ลดลง 257.30 ล้านบาท หรือ 72.06% จากงวดปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการโรงแรมได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งรัฐบาลได้บังคับใช้การปิดดพรมแดนและมีข้อกำหนดหลายประการ ซึ่งทำให้เกิดข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจท่องเที่ยวจากการเดินทางโดยเครื่องบินทั้งระหว่างประเทศและในประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรมมีความไม่แน่นอนสูง ทั้งในกรุงจาการ์ตาและกรุงโฮจิมินห์ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงแรมที่กองทรัสต์เข้าลงทุน โดยทั้งสองแห่งนั้นต้องพึ่งพาผู้มาเยือนจากต่างประเทศในการขับเคลื่อนธุรกิจ
ทั้งนี้โรงแรมทั้งสามแห่งยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในระยะสั้นจนถึงระยะกลาง ทำให้การคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตยังเป็นไปได้ยาก
สำหรับกรณีผู้สอบบัญชีไม่แสดงความเห็นงบการเงิน เนื่องจากโควิด-19 กระทบธุรกิจโรงแรมและรายได้ของกองทรัสต์อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้บริษัทย่อยและกลุ่มกองทรัสต์มีเหตผิดเงือนไขสัญญาเงินกู้หลายประการ ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยครบกำหนดเดือนธ.ค.2563 ได้ครบจำนวน ณ 1 มี.ค.2564 มีภาระดอกเบี้ยค้างชำระ 0.17 ล้านยูโรหรือ 6.2 ล้านบาทและบริษัทย่อยไม่สามารถรักษาระดับจำนวนเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารเพื่อสำรองการชำระดอกเบี้ยภายใต้ข้อกำหนดสัญญาและไม่สามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินตามสัญญาเงินกู้
นอกจากนี้ยังมีเงินกู้ยืมระยาวของบริษัทย่อยประมาณ 45.02 ล้านยูโรจะครบกำหนดชำระในเดือนมิ.ย.2564 ฝ่ายบริหารอยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดหาแหล่งเงินทุนในรูปของเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อชำระเงินกู้ยืมระยะยาวดังกล่าว รวมทั้งหนี้สินและค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งผลลัพธ์ในการจัดหาแหล่งเงินกู้ยืมใหม่ยังมีความไม่แน่นอนในขณะนี้