W ขาดทุน 238 ล้านปรับโครงสร้างทุน รวบพาร์ ล้างขาดทุน

HoonSmart.com>>“W”  ขาดทุนสุทธิ 238 ล้านบาท นำธุรกิจอาหารปี 2563 ฝ่ามรสุม Covid-19 มองปี 2564 หลัง Covid-19 คลี่คลาย ธุรกิจเติบก้าวกระโดด  เผยปรับโครงสร้างทุนแล้วเสร็จ จ่ายปันผลได้ทันทีเมื่อมีกำไร  

แม้ว่าปี 2563 ธุรกิจในทุก Sector ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะธุรกิจอาหาร แต่บริษัท วาว แฟคเตอร์ (W) เผยแพร่งบการเงินปี 2563 ผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา พบว่า W สามารถนำพาธุรกิจฝ่ามรสุมโควิดไปได้ดีพอสมควร จากงบการเงินพบว่า ผลกำไร-ขาดทุนรวม ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ (ไม่ได้รวมรายการพิเศษที่ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงาน เช่น ขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในธุรกิจชิ้นส่วนอีเล็คโทรนิคส์ ขาดทุนจากการตั้งสำรอง และกำไรพิเศษอื่นๆ) มีผลขาดทุนประมาณ 48 ล้านบาท

หากพิจารณาที่ธุรกิจอาหารทั้งกลุ่ม โดยไม่รวม Domino’s Pizza (ธุรกิจอาหารของกลุ่ม W ที่ถือเงินลงทุนผ่านบริษัทย่อย Food Holding อันได้แก่ Kagonoya, Le Boeuf, Creps&Co., และกลุ่มขนม BAKE) พบว่า ธุรกิจอาหาร มีผลขาดทุนลดลงถึง 18 ล้านบาท ลดลงจากผลขาดทุน 37 ล้านบาท ในปี 2562 เหลือ 19 ล้านบาท ปี 2563 หรืออาจกล่าวได้ว่า กำไรรวมที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจ มีอัตราการเติบโตถึง 49%

ส่วนผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 จำนวน 29 ล้านบาท เกิดจากการที่ W รับรู้ผลประกอบการของ Domino’s Pizza ในช่วงไตรมาส 4/63 ซึ่งเป็นไปตามที่ผู้บริหารได้คาดการณ์ไว้แล้วก่อนเข้าซื้อธุรกิจ Domino’s Pizza ว่าจะมีผลขาดทุนในช่วงแรกซึ่งเป็นช่วง ซ่อม-สร้าง ธุรกิจราว 8 – 10  ล้านบาทต่อเดือน

นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน  W เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานปี 63 ร้านอาหารในเครือ Food Holding เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ  เชื่อว่าปัจจัยความสำเร็จเกิดจากการพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ที่เคย Commit ไว้กับผู้ถือหุ้น โดยในปี 2563 บริษัทมีพัฒนาการที่สำคัญที่ดำเนินการสำเร็จแล้ว ได้แก่ การเพิ่มช่องทางการขายผ่าน Delivery ซึ่งเพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งการตลาดได้เป็นอย่างดีในช่วง Covid,

การรวมแบรนด์ร้านขนมญี่ปุ่นทุก Brand ในร้านเดียว ภายใต้ Concept “Bake Works” ซึ่งจะทำให้ค่าเช่าที่เป็นค่าใช้จ่ายหลักลดลงอย่างมีนัยสำคัญ, การปรับปรุงบริการและคุณภาพอาหารของ Kagonoya โดยเฉพาะเรื่องเนื้อวัว ซึ่งเป็นจุดแข็งของแบรนด์ และได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากลูกค้า นอกจากนี้เรายังมีการปรับปรุงร้าน Le Boeuf ให้กลับเข้ามาในตลาดฐานะร้าน Steak ชั้นนำได้

“ปีที่ผ่านมาเรายังมีการขยายร้านอาหารในเครือ Food Holding ทั้งในรูปแบบของการขยายสาขาของร้านอาหารเดิมที่เรามีให้กระจายถึงฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยได้เปิด Kagonoya สาขาปิ่นเกล้าในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 และ Le Boeuf สาขาอารีย์ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2564 เป็นต้น และปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างการเปิดสาขาเพิ่มเติมของทุกแบรนด์ในกลุ่มอย่างน้อย 1-3 สาขาต่อแบรนด์ นอกจากนี้เรายังได้หาแบรนด์ใหม่ๆ มาเติม Port ร้านอาหารของเรา เช่นร้านเนื้อย่าง Yuma ซึ่งเรามองว่ากลยุทธ์ที่เราวางไว้เป็นปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการโดยรวมในปี 63 ดีขึ้น”

สำหรับ Domino’s Pizza เรือธงของกลุ่มบริษัท ซึ่งตลาดพิซซ่าในไทยมีขนาดใหญ่นับหมื่นล้านบาท และ Domino’s Pizza เป็นแบรนด์ QSR PIZZA ชั้นนำของโลกนั้น ในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งเรารับโอนธุรกิจ Domino’s Pizza พบว่า อยู่ในภาวะขาดทุน โดยเราได้ใช้เวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมาในการแก้จุดอ่อนและเสริมจุดแข็ง ซึ่งปัจจุบันต้องบอกว่าเราได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว โดยใน Phase ถัดไปจะเป็นการเปิดสาขาเพิ่มให้ครอบคลุมฐานลูกค้าทั้งเก่าและใหม่ ซึ่งหากดำเนินแล้วเสร็จตามแผนในช่วงไตรมาส 4 ก็คาดว่าจะพาธุรกิจผ่านจุดคุ้มทุนได้”

“หากสถานการณ์ Covid คลี่คลาย เรามั่นใจว่าจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อธุรกิจในเครือ W ทั้งหมด เพราะฐานลูกค้าหลักกลุ่มใหญ่ของเราจะกลับมา ทั้งกลุ่ม Tourist, พนักงานออฟฟิศ, และลูกค้ากลุ่ม Dine-in ซึ่งจากข่าวการแพร่ระบาดที่ลดลง รวมถึงการนำเข้าวัคซีน เราเชื่อว่ายอดขายของร้านอาหารของเราจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2564 นอกจากนี้ จากแผนการเปิดสาขาใหม่ของ Domino’s Pizza รวมถึงการเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์อื่นๆ ในอนาคตอันใกล้ เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำให้ผลประกอบการปี 2564 เติบโตอย่างก้าวกระโดด”

ทั้งนี้ W ประกาศรวม Par และลดทุนในวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา นายศิรัตน์ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การจัดโครงสร้างทุนด้วยการรวมพาร์และลดทุนชำระแล้ว ด้วยการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม และส่วนต่ำมูลค่าหุ้น  คาดแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2564 ซึ่งจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทสะท้อนสถานะทางการเงินที่แท้จริง

อนาคตบริษัทมีกำไรและกระแสเงินสด  สามารถปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของบริษัท

ภายหลังการจัดโครงสร้างทุน หุ้น W จะลดจาก 12,000 ล้านหุ้น เหลือเพียง  814 ล้านหุ้น และงบการเงินไตรมาส 2/2564 ไม่มีขาดทุนสะสมและส่วนต่ำมูลค่าหุ้นอีก (ขาดทุนสะสมในงบปี 63 จำนวน 953 ล้านบาท และส่วนต่ำมูลค่าหุ้นจำนวน 10,321 ล้านบาท)

ด้านผลประกอบการปี 2563 W ขาดทุนสุทธิ 238 ล้านบาท เทียบปี 2562 ขาดทุน 21.88 ล้านบาท