COM7 เป้ายอดขายปี 64 โตมากกว่า 10% แย้มร่วมมือ NCAP แจกปันผล 1 บาท

HoonSmart.com>>”คอมเซเว่น” เผยความต้องการไอที-สินค้าเทคโนโลยี-5G ยังเพิ่มขึ้น ตั้งเป้ายอดขายโตมากกว่า 10% และหนุนแรงซื้อ IPhone 12 ที่จะเข้ามาใน Q1/64 เตรียมเปิดสาขาเพิ่มคาดปีนี้รวม 1 พันสาขา วางงบ 300 ล้านบาท และวางเงินเพิ่ม 500-1,000 ล้านบาท ลงทุนธุรกิจอื่น ส่วนความร่วมมือกับ NCAP คาดรู้ผลชัดเจนปีนี้ พร้อมโชว์กำไรปี 63 โต 22.6% อยู่ที่ 1,490 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียว จ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น กำหนดจ่าย 21 พ.ค. 64

นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น (COM7) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 64 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนมีรายได้รวมอยู่ที่ 37,454 ล้านบาท ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการสินค้า ไอทีและสินค้าเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งการมาของ 5G กระตุ้นยอดขายและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง สอดรับพฤติกรรมใหม่ผู้บริโภค ส่วนในไตรมาส 1/64 คาดว่าจะได้ปัจจัยหนุนจากยอดขายของ IPhone 12 ที่ปีก่อนมีระยะเวลาจำหน่ายเพียง 35 วัน เมื่อเทียบกับ IPhone 11 ในช่วงปี 62 ที่มีระยะเวลาขาย 75 วัน ซึ่งจากช่วงระยะเวลาขายที่น้อยในปีก่อน จะทำให้ยอดขายในไตรมาส 1/64 นี้ คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 1/63

โดยในปีนี้วางกลยุทธ์ในการขยายสาขาเพิ่มและปิดสาขาที่มียอดขายต่ำ โดยคาดว่า ณ สิ้นปีจะมีสาขารวมทั้งอยู่ที่ 1,000 สาขา จากปีก่อนมีสาขา 911 สาขา ซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนขยายสาขาและลงทุนในสาขาเดิมรวมประมาณ 300 ล้านบาท รวมถึงมีแผนในการเปิดสาขา แบบ Stand Alone นอกห้างสรรพสินค้า เพื่อรองรับในสถานการณ์ต่างๆ เมื่อรวมกับสาขาที่เป็นแฟรนไชส์ที่ตั้งอยู่ตามหัวเมืองสําคัญ ที่ปีนี้จะมีการปรับโมเดลธุรกิจใหม่ให้ครบวงจร และต้องรองรับธุรกิจในอนาคต รวมทั้ง ส่งเสริมในการเป็นจุดรับสินค้า เมื่อลูกค้าสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ของบริษัทได้

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีโอกาสต่อยอดไปยังธุรกิจใหม่ๆ จากการที่บริษัทเข้าไปเป็นถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์และดำเนินธุรกิจด้านไฟแนนซ์ ซึ่งน่าจะเห็นความร่วมมือทั้งด้านการตลาดและการลงในอนาคต ระหว่าง COM7 และ NCAP ชัดเจนขึ้นภายในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทฯเตรียมเงินไว้สำหรับลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมอีก 500 – 1,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มจุดแข็ง และการเติบโตอย่างรวดเร็ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับพันธมิตร หากมีความคืบหน้าจะแจ้งใหทุกท่านทราบต่อไป

อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถรักษายอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าจะมีผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีกำไรสุทธิ 1,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้รวมอยู่ที่ 37,454 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ธุรกิจค้าปลีก 34,877 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% ช่องทางจำหน่ายอื่นๆ 2,429 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47%

นายสุระ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1 บาท จากเงินกําไรสุทธิประจําปี 2563 ของบริษัทฯ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,200,000,000 บาท โดยกําหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 30 เมษายน 2564 และกําหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21 พฤษภาคม 2564