AP ลั่นปี 64 รายได้นิวไฮ 4.31 หมื่นลบ. ANAN ตั้งเป้ายอดขาย 1.85 หมื่นลบ.

HoonSmart.com>>บริษัทอสังหาริมทรัพย์ฝันหวานปี 64 ธุรกิจจะดียิ่งขึ้น ประกาศเปิดโครงการใหม่ เพิ่มเป้ายอดขายและยอดโอน หลังจากสามารถปรับตัวผ่านสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในปี 2563 มาได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าบริษัททุกแห่งจะมีกำไรที่ลดลงจากปีที่ผ่านมาก็ตาม

บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ทยอยแจ้งผลงานปี 2563 ออกมาแล้ว แม้ว่าบริษัททุกแห่งมีกำไรลดลง แต่ก็ไม่แย่มากอย่างที่กังวล ยกเว้นบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ประสบปัญหาขาดทุน -206.58 ล้านบาท และบริษัท มั่นคงเคหะการ (MK) ขาดทุน -3.42 ล้านบาท

“ชัยยุทธ ชุณหะชา” ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) กล่าวว่า บริษัทมียอดขายปี 2563 สูงกว่าเป้าหมาย 4% อยู่ที่ 17,495 ล้านบาท มาจากโครงการพร้อมอยู่ที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ณสิ้นปี บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน(แบ็คล็อก) กว่า 18,316 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนในระยะ 3 ปี

ปัจจุบันลูกค้าทั้งในและต่างประเทศยังมีการโอนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมียอดโอนทั้งหมด 18,345 ล้านบาท สัดส่วนลูกค้าชาวต่างประเทศใกล้เคียงจากปีก่อนที่ระดับ 21%มีลูกค้าที่ใช้เงินสดมาโอนกรรมสิทธิ์ถึง 38%”

ส่วนการปรับตัวของบริษัทมีนโยบายลดสัดส่วนธุรกิจซึ่งไม่ใช่ธุรกิจหลัก เช่น บริการก่อสร้าง และมุ่งเน้นธุรกิจหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และลดค่าใช้จ่าย สามารถลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 1,782 ล้านบาท ลดลงถึง 27% จากปีก่อน

แนวโน้มในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนกว่า 16,008 ล้านบาท ยอดขาย 18,570 ล้านบาท เตรียมเปิดโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 24,422 ล้านบาท

“ปี64 ถือเป็นอีกปีที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อรองรับสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงรับมือกับความเสี่ยง และความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยวัคซีนจะเป็นความหวังและแรงผลักดันของมวลมนุษยชาติ ทำให้การท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวและกำลังซื้อจากลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่มีความต้องการซื้อสูง จะเป็นตัวช่วยให้แนวโน้มและความมั่นใจกลับมาดีขึ้น เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงทุกอย่างก็จะกลับสู่ภาวะปกติ คนยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมือง และเมืองก็ยังต้องไปต่อ”ชัยยุทธกล่าว

บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการออกหุ้นกู้ 2,328 ล้านบาทเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยยังคงรักษาเงินสดรวมโครงการร่วมทุนกว่า 13,000 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งและต่อเนื่องจากสถาบันการเงินชั้นนำ และมีทางเลือกในการจัดหาแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย มีเป้าหมายรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ภายใต้เป้าหมายระยะยาวที่ 1:1

“อนุพงษ์ อัศวโภคิน” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอพี ไทยแลนด์ (AP) เปิดเผยว่า ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้ารายได้ 4.31 หมื่นล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่(นิวไฮ) เพิ่มขึ้น 1.33 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนมีรายได้ 2.98 หมื่นล้านบาท ด้านยอดขาย ตั้งเป้าที่ 3.55 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่ต้นปีถึงล่าสุดวันที่ 15 ก.พ. มียอดขายแล้ว 4,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากโครงการแนวราบเป็นตัวผลักดันหลัก ปัจจุบันบริษัทมี 147 โครงการทั่วไทย มูลค่าพร้อมขายกว่า 121,890 ล้านบาท

ในปี 2564 บริษัทวางแผนเปิดโครงการใหม่ 34 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4.3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ มูลค่ารวม 2.88 หมื่นล้านบาท คอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 1.42 หมื่นล้านบาท โดยเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่น 2 โครงการ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท บริษัทยังติดตามดีมานด์และซัพพลายในตลาดคอนโดมิเนียม มองว่าครึ่งปีแรกยังเหนื่อยอยู่  บริษัทจะเดินหน้าระบายสต็อกและรอดูสถานการณ์ไปก่อน

นอกจากนี้ในปี 2564 บริษัทจะมีการรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากแบ็คล็อกทั้งหมด 3.79 หมี่นล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ  1.24 หมื่นล้านบาทในปีนี้ ส่วนคอนโดมิเนียม  2.54 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2564-2566 และยังคงระบายสต็อกที่มีมูลค่ากว่า 7.88 หมื่นล้านบาท จาก 113 โครงการอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังคงซื้อที่ดินในปีนี้ตั้งงบไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ใช้ไป 4,000 ล้านบาท

ส่วนผลงานปี 2563 บริษัทกำไรสุทธิ 4,226 ล้านบาท ลดลง 37.78% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,067 ล้านบาท สิ้นปีมี NET D/E ต่ำสุดเพียง 0.71 เท่า

“สุวรรณี มหณรงค์ชัย” รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ในปี 2564 จะมีการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น เน้นราคาเข้าถึงง่ายในทำเลเดินทางสะดวกให้สอดคล้องกับกำลังซื้อของผู้บริโภค และหาจุดขายใหม่ๆ ที่แตกต่างจากคู่แข่งเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคพร้อมเร่งระบายโครงการคงค้างอย่างต่อเนื่อง

ผลสำรวจล่าสุด แม้คอนโดมิเนียมแม้มีอุปทานลดลง แต่ยังคงมีสัดส่วนสูงสุดคือ 48% โดยมีจำนวน 16,582 ยูนิต ทาวน์โฮมที่มีสัดส่วน 38% จำนวน 13,065 ยูนิต และ บ้านเดี่ยวสัดส่วน 14% มีโครงการเปิดตัวใหม่จำนวน 4,767 ยูนิต