ธนาคารทหารไทย ตัดขายหุ้น บลจ.ทหารไทย 65% ให้ “อีสท์สปริง” บริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำของเอเชีย ในเครือพรูเด็นเชียลฯ ช่วยหนุนกลยุทธ์บริการ TMB Open Architecture ยืนยัน “ดร.สมจินต์” นั่งเอ็มดีเหมือนเดิม แหล่งข่าวคาดเปิดทางคลังขาย TMB ง่ายขึ้น
ธนาคารทหารไทย (TMB) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีทําสัญญาขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย ให้กับอีสท์สปริง อินเวสต์เมนทส์ (สิงคโปร์) จํากัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัท พรูเด็นเชียล คอร์ปอเรชั่น เอเชีย จํากัด (PCAL) ในสัดส่วน 65% และมีข้อตกลงที่จะขายหุ้นที่เหลืออีก 35% ให้ในอนาคต
ธนาคารได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินจากธนาคารแห่งสหรัฐอเมริกาเมอริลล์ ลินช์ และธนาคารไอเอ็นจี และที่ปรึกษาทางกฎหมายจากบริษัท อัลเลน แอนด์ โอเวอรี่ ร่วมให้ความเห็นในการกําหนดเงื่อนไขและข้อตกลงต่างๆ ตลอดการเจรจาสัญญา
ในปัจจุบัน บลจ.ทหารไทย มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) มากกว่า 4.2 แสนล้านบาท กองทุนรวม 396,621 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาด 8.04% อับดับ 5 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 22,890 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาด 2.08% อับดับ 12 กองทุนส่วนบุคคล 811 ล้านบาท ส่วนแบ่งการตลาด 0.09% อับดับ 23 ธนาคารทหารไทยเป็นผู้ถือหุ้น 100% ใน บลจ.ทหารไทย และในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมา บลจ.ทหารไทยมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) สูงถึง 26%
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2560 ธนาคารทหารไทย ซื้อหุ้นสามัญของบลจ.ทหารไทย เพิ่มเติม 12.5% หรือ 1.25 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 206.57 บาท เป็นเงิน 259 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มจาก 87.50% หรือ 8.75 ล้านหุ้นเป็น 100% หรือ 10 ล้านหุ้น นอกจากนี้ ในรายงานงบปี 2560 ธนาคารทหารไทยได้รับเงินปันผลจาก บลจ.ทหารไทยเป็นเงิน 125 ล้านบาท
แหล่งข่าว กล่าวว่า สาเหตุที่ธนาคารทหารไทยขายหุ้น บลจ.ทหารไทย ทั้งๆ ที่เป็นบริษัทในเครือที่สร้างรายได้ให้ธนาคารค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นการขายเพื่อเตรียมความพร้อมในการหาผู้ลงทุนมาซื้อหุ้น 25% ที่กระทรวงการคลังถืออยู่
“เนื่องจากที่ผ่านมาธนาคารทหารไทยกำหนดราคาขายค่อนข้างสูงและผู้ลงทุนบางรายไม่ต้องการธุรกิจ บลจ. ดังนั้นเมื่อดำเนินการขายหุ้น บลจ. ออกไปแล้ว ทำให้มูลค่าของธนาคารทหารไทยเองก็ลดลง และราคาที่เสนอขายก็อาจง่ายขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ ภาพธุรกิจของธนาคารเปลี่ยนไปแล้ว โดยที่ธนาคารสามารถขายกองทุนให้กับ บลจ.ใดก็ได้ จึงไม่จำเป็นต้องมี บลจ. เป็นบริษัทลูก” แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายนี้ ยังเชื่อว่า การควบรวมกิจการของธนาคารทหารไทยยังเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่มีความเป็นไปได้
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า “การเป็นพันธมิตรกับอีสท์สปริงจะส่งผลดีต่อลูกค้าของ บลจ.ทหารไทย และธนาคารทหารไทย เนื่องจากอีสท์สปริงเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารสินทรัพย์ในระดับโลก
“เชื่อมั่นว่า อีสท์สปริงจะนำความเชี่ยวชาญที่มีอยู่มาเสริมศักยภาพของ บลจ. ทหารไทย และยังเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์การบริการด้านกองทุนรวมแบบ TMB Open Architecture (การขายกองทุนแบบเปิด) ของธนาคารทหารไทย ให้ลูกค้ามีโอกาสได้รับบริการทางการลงทุนระดับโลก และเข้าถึงกองทุนรวมจากต่างประเทศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น” นายปิติ กล่าว
นอกจากนี้ นายปิติ กล่าวอีกว่า บลจ.ทหารไทย ยังคงบริหารงานโดยผู้บริหารชุดเดิมซึ่งมี ดร.สมจินต์ ศรไพศาล เป็นกรรมการผู้จัดการ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากอีสท์สปริง เข้ามาช่วยเติมเต็มศักยภาพ
สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนของ บลจ.ทหารไทย จะไม่ได้รับผลกระทบ แต่ลูกค้าจะได้รับประโยชน์และโอกาสสร้างผลตอบแทนมากขึ้นจากความเชี่ยวชาญของอีสท์สปริงซึ่งจะเข้ามาช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความแข็งแกร่งให้ บลจ. ทหารไทย ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในเรื่องของความรู้ความชำนาญและเครือข่ายที่มีอยู่ในระดับโลก
ขณะที่ อีสท์สปริง มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมูลค่ารวมกว่า 1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีสำนักงาน 10 แห่งในเอเชีย ลักเซมเบิร์ก ลอนดอน และชิคาโก โดยได้รับรางวัล เอเชีย ฟันด์ เฮาส์ แห่งปี (Asia Fund House) จาก เอเชียนอินเวสเตอร์ (Asianlnvestor)
ทั้งนี้ ธนาคารทหารไทยแจ้งอีกว่า การซื้อขายหุ้นตามสัญญาดังกล่าวจะอยู่ภายใต้ เงื่อนไขข้อบังคับก่อน โดยเงื่อนไขดังกล่าวเป็นเงื่อนไขที่ใช้กันโดยทั่วไปกับสัญญาประเภทเดียวกับสัญญาซื้อขายหุ้นนี้ ซึ่ง รวมถึง การได้รับอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com