HoonSmart.com>> หุ้นครอบครัวปตท.ขึ้นแรงกว่าตลาด ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ใกล้วันขึ้น XD แจกเงินปันผล PTTศึกษากู้เงินสกุลเงินดิจิทัล มั่นใจปีนี้ไม่ขาดทุนสต็อกน้ำมัน อัดงบลงทุนกลุ่มปตท. 5 ปี รวม 8.5 แสนล้านบาท ปรับพอร์ตก๊าซมากขึ้น “ไทยออยล์”ลั่นฟื้นตามค่าการกลั่นหลังโควิด-19 คลี่คลาย
วันที่ 23 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา หุ้นครอบครัวปตท.ปรับตัวขึ้นแรงกว่าตลาด แถมมีเงินปันผลหนุน โดยบริษัทไออาร์พีซี (IRPC) ขึ้น XD ให้สิทธิรับเงินปันผลหุ้นละ 0.06 บาท วันนี้ (23 ก.พ. ) ขณะที่ราคาหุ้นปิดที่ 3.48 บาท บวก 0.02 บาท ระหว่างวันขึ้นไปสูงสุดถึง 3.54 บาท
“กลุ่มปตท. นำโดยหุ้น PTTEP ราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 4% บวก 3.50 บาท ปิดที่ 114 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD แจกปันผล 2.75 บาท วันที่ 1 มี.ค. ส่วน TOP ปิดที่ 59.75 บาท เพิ่มขึ้น 4.37% ขึ้น XD วันที่ 25 ก.พ.นี้ แจก 0.70 บาทต่อหุ้น ตามด้วย PTTGC ปรับตัวขึ้น 2% และ PTT บวก 1% เศษหลังจากราคาหุ้นในกลุ่มปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ แม้ว่านักวิเคราะห์แนะนำ ซื้อ ดักผลการดำเนินงานปี 2564 เติบโตขึ้นมาก ”
ด้าน นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ศึกษาการกู้เงินสกุลเงินดิจิทัล ส่วนการออกหุ้นกู้ปีนี้ยังไม่มีแผน จากปีก่อนกู้เงินกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อรองรับช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมือประมาณ 100,000 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนในกลุ่ม ปตท. ในช่วง 5 ปีนี้ (2564-2568) ประมาณ 850,573 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนการลงทุนประมาณ 51% ของเงินลงทุนรวม สำหรับลงทุนในธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้น ส่วนขั้นปลายลงทุนประมาณ 31% และธุรกิจไฟฟ้า 6% ขณะที่บริษัท ปตท. ได้รับอนุมัติวงเงินลงทุน 5 ปีเช่นกันประมาณ 103,267 ล้านบาท หรือสัดส่วนประมาณ 12% พร้อมจัดสรรเงินส่วนเกินไว้อีกประมาณ 8 แสนล้านบาท รองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆมากขึ้น เสริมความแข็งแกร่งมากขึ้น
“ 5 ปีนี้เราลงทุน เพื่อปรับโครงสร้างให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทำให้มีกำลังที่จะไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆได้อีกมาก ถึงแม้จะมีความเสี่ยง แต่ถ้าลงทุนถูกที่และถูกเวลา ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีแน่นอน พร้อมเพิ่มสัดส่วนธุรกิจก๊าซมากขึ้นกว่าธุรกิจน้ำมัน เพื่อลดความผันผวนและกระจายความเสี่ยง ปัจจุบันธุรกิจน้ำมันสัดส่วนอยู่ประมาณ 67% และก๊าซ 33% คาดว่าในปี 68 ธุรกิจก๊าซอยู่ที่ 80% ส่วนราคาน้ำมันดิบในปีนี้อยู่ประมาณ 55-60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากปีก่อนเฉลี่ยประมาณ 42 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้จะไม่มีผลขาดทุนสต็อกน้ำมัน จากปีก่อนที่เฉพาะตามสัดส่วน ปตท. ถือหุ้นขาดทุนประมาณ 9,200 ล้านบาท” นายอรรถพลกล่าว
ล่าสุด คณะกรรมการบริษัทปตท. มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาล หุ้นละ 0.18 บาท และ 6 เดือนหลัง อีก 0.82 บาท ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้ให้รัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ในปี 2563 จำนวน 36,535 ล้านบาท หากรวมนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนประมาณ 9.9 แสนล้านบาท
บริษัทไทยออยล์ (TOP) นายณัฐพล นพรัตน์วงศ์ ผู้จัดการแผนกนักลงทุนสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในปี 2564 จะสามารถฟื้นตัวได้เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีรายได้ 259,179.27 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 3,301.41 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการใช้น้ำมันทั่วโลกจะฟื้นตัวมาที่ราว 5 ล้านบาร์เรล/วัน จากปีก่อน ลดลง 9 ล้านบาร์เรล/วัน และคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จะกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ที่ระดับ 3.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปี 2563 ที่ลดลงไปเหลือ 0.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้คาดว่าจะเคลื่อนไหวในช่วง 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
สำหรับผลงานไตรมาส 1/64 บริษัทคาดว่าจะยังคงมีกำไรจากสต็อกน้ำมันต่อเนื่องจากไตรมาส 4/63 ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก
“ในปีนี้ผลประกอบการจะกลับมาฟื้นตัวได้ โดยได้รับปัจจัยหนุนหลักๆจากความต้องการใช้น้ำมันที่สูงขึ้น แต่สิ่งที่ยังคงกระทบอยู่คือน้ำมันอากาศยาน เบื้องต้นคาดว่าจะกลับมาสู่ภาวะปกติได้ใน 2 ปีข้างหน้า”นายณัฐพล กล่าว
ส่วนแผนการลงทุน 4 ปี (2564-2567) บริษัทตั้งงบไว้ประมาณ 2,248 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ประมาณ 1,903 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากนับเฉพาะการลงทุนที่เกิดขึ้นในปี 64 จะใช้งบลงทุนราว 1,500-1,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ