“อีสท์สปริง” ตั้งเป้า AUM แตะ 1 ล้านล้าน ปี 68-ลั่นกอดเบอร์หนึ่งกองทุนนอก

HoonSmart.com>> “อีสท์สปริง” คาดควบรวม “บลจ.ทหารไทย-ธนชาต” จบเดือนก.ค.นี้ หนุน AUM ขึ้นแท่นอันดับ 5 ลั่นรักษาผู้นำกองทุนต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้าปี 68 AUM แตะ 1 ล้านล้านบาท ด้านลูกค้า 4 กองทุนตราสารหนี้ถูกปิด เงินเริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุน ฟากกองทุน FIF โตแรง มองตลาดหุ้นต่างประเทศยังเติบโต ปรับฐานเพื่อไปต่อ เตรียมออก 4 กองทุน 4 ธีมเมติก ARK Investment

อดิศร เสริมชัยวงศ์

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทยและบลจ.ธนชาต (TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการควบรวมกิจการระหว่างบลจ.ทั้งสองแห่งคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือนก.ค.2564 ซึ่งขึ้นอยู่กับกฎหมายและการอนุมัติของทางการเพื่อให้เป็นธุรกิจเดียว ภายใต้ชื่อ อีสท์สปริง ประเทศไทย โดยมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 4.3 แสนล้านบาทหลังควบรวม ส่วนแบ่งการตลาด 8% อยู่อันดับ 5 ของอุตสาหกรรม พร้อมกันนี้ตั้งเป้า AUM แตะ 1 ล้านล้านบาทภายในปี 2568

“อีสท์สปริง อินเวสท์เมนทส์ ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชียอยู่ที่ 6.57 ล้านล้านบาท ในขณะที่เราซึ่งมีความเป็นมืออาชีพ เข้าใจตลาดในประเทศดีแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ ซึ่งเข้าใจลึกซึ้งการลงทุนในตลาดอเชียและตลาดโลก เราจึงพร้อมตอกย้ำความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง รักษาความเป็นผู้นำการนำเสนอผลิตภัณฑ์การลงทุนต่างประเทศและอยากให้อีสท์สปริงเป็นบลจ.ที่ลูกค้านึกถึงเป็นอันดับแรกในเรื่องของการลงทุน” นายอดิศร กล่าว

ทั้งนี้ หลังควบรวมบริษัทจะมีส่วนแบ่งกองทุนต่างประเทศ (FIF) อันดับหนึ่งอยู่ที่ 23% ขณะที่ปี 2563 บลจ.ทหารไทยและบลจ.ธนชาตมีการเติบโตของกองทุน FIF ได้ดี 37% เมื่อเทียบตลาดเติบโตเพียง 12% โดยมียอดขาย 48,000 ล้านบาท คิดเป็น 43% ของอุตสาหกรรมซึ่งเติบโตมากในครึ่งหลังของปีที่ผ่านมา อีกทั้งหากดูภาพรวมอุตสาหกรรมพบว่า 5 ปีที่ผ่านมากองทุน FIF เติบโตสูงสุด 12% เมื่อเทียบอุตสาหกรรมโตเพียง 3% ชี้ให้เห็นว่าคนไทยเริ่มกระจายการลงทุนต่างประเทศมากขึ้น

“เราเริ่มออกกองทุน FIF ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา แนะนำลูกค้ากระจายลงทุนไปต่างประเทศบ้าง และครึ่งปีหลังหุ้นบวก 40-50% ขณะที่หุ้นไทยไม่ฟื้น แต่ภาพรวมช่วยให้ลูกค้าผลตอบแทนเป็นบวก ทำให้เรามั่นใจในการเดินไปข้างหน้าทีมงานที่มีความมุ่งมั่นและได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีมาก”นายอดิศร กล่าว

กองทุนที่โดดเด่น เช่น กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ที่มีการลงทุนในกองทุนหลัก คือ กองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund เพียงกองทุนเดียว ด้วยมีแนวทางการลงทุนแบบใหม่ ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยที่ทันสมัยเน้นลงทุนในนวัตกรรมแห่งอนาคตที่คาดว่าจะมีโอกาสเติบโตอย่างก้าวกระโดดในสิบปีข้างหน้า โดยจากการเปิดเสนอขายในช่วงเดือนต.ค.2563 จนถึงปัจจุบัน ผลตอบรับดีขนาดสินทรัพย์เติบโตต่อเนื่องจนมียอดรวมกันกว่า 15,000 ล้านบาท (ในด้านผลการดำเนินงานตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 29 ต.ค.2563 จนถึงวันที่ 25 ม.ค.2564 นั้น กองทุน T-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 51.90% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% ในขณะที่ TMB-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 50.72% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index) 19.22% –แหล่งที่มา Morningstar, 25 มกราคม 2564)

ลูกค้ากองทุนตราสารหนี้เริ่มกลับเข้ามาลงทุน

สำหรับความคืบหน้าปิด 4 กองทุนตราสารหนี้ในช่วงที่ผ่านมา สามารถคืนเงินผู้ถือหน่วยได้สูงกว่า NAV โดยไม่มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้นสามารถปิดกองทุนเปิดทหารไทย ธนพลัส ผลตอบแทน 100.06% ปิดเมื่อเดือนต.ค.2563 และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพศาล ปิดเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา ผลตอบแทน 100.43% เหลือกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์และกองทุนเปิดทหารไทยธน เพิ่มพูน ปัจจุบันจ่ายเงินคืนไปแล้ว 94% และ 97% ซึ่งรอดูสภาวะตลาดหากมีกำไรก็จะขายและรีบนำเงินคืนให้ครบโดยเร็ว

นอกจากนี้เริ่มเห็นเงินทยอยไหลกลับมาลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ หลังจากบริษัทนำกองทุนเดิมมานำเสนอใหม่ในชื่อกองทุนเปิดทีเอ็มบี ธนชาต อีสท์สปริง อินคัมพลัส ส่งผลให้ขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 3.4 หมื่นล้านบาท จากเดือนพ.ย.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท โดยนโยบายการลงทุนเหมือนกองทุนตราสารหนี้เดิม ไถ่ถอนได้ทุกวัน เน้นลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ผลตอบแทนประมาณ 0.8-0.9% ซึ่งผลตอบรับอาจยังไม่มากนัก เนื่องจากกลุ่มลูกค้าแบงก์ทหารไทยและธนชาต มีโปรดักส์เงินฝาก เช่น No Fit ให้ผลตอบแทนสูง 1.2% ลูกค้าจึงยังอยู่เงินฝากค่อนข้างมากไม่ขยับมากองทุนตราสารหนี้ ซึ่งต่างจากแบงก์ใหญ่ผลตอบแทนไม่ถึง 1% ขณะที่เงื่อนไข No Fit ให้ลงทุนสูงสุด 50 ล้านบาท ทำให้ลูกค้ารายใหญ่ก็ค่อยๆ ทยอยมากองทุน

ปี 64 ตั้งเป้า AUM โต 1 แสนลบ.

นายอดิศร กล่าวว่า สำหรับทิศทางการเติบโตของบริษัทยังคงเดินหน้าด้วยความเชี่ยวชาญด้านกองทุน Passive Fund ซึ่กองทุน SET50, JUMBO25 ของบลจ.ทหารไทย ขณะที่บลจ.ธนชาต มีความเชี่ยวชชาญการลงทุนแบบ Value Investor หรือการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่ได้เทรดบ่อย เน้นเลือกหุ้นที่ถือลงทุนระยะยาว มีผลดำเนินงานมั่นคง จ่ายปันผลสูงและมีความยั่งยืน รวมถึงกองทุน Low Beta เน้นหุ้นที่มีความผันผวนต่ำ ซึ่งลักษณะกองทุนเหล่านี้กึ่ง Passive Fund อยู่แล้ว จะรักษาไว้เช่นเดิม แต่การลงทุนที่เติบโตเร็ว ผลตอบแทนดี แนะนำลงทุนต่างประเทศ เพราะเป็นเศรษฐกิจใหม่ เป็น New Trend จะเป็นอีกทางเลือกในการกระจายลงทุน

ในส่วนของแผนงานในปีนี้ตั้งเป้าการเติบโต AUM ไว้ที่ 1 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 4.2 แสนล้านบาท เพิ่มเป็น 5.2 แสนล้านบาท โดยคาดการเติบโต 50-60% มาจากกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF) หรือประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.16 แสนล้านบาท เป็น 1.6 แสนล้านบาท ส่วนที่เหลือมาจากกองทุนตราสารหนี้ไทย 3-4 หมื่นล้านบาทและกองทุนหุ้นไทย 1 หมื่นล้านบาท

ส่วนแนวโน้มการลงทุนต่างประเทศมองว่ายังไปได้อีกยาว 5-10 ปี โดยมองตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะจีน อินเดีย ซึ่งเป็นตลาดหลักในเอเซีย คาดเติบโต 8% และ 7% ตามลำดับ ส่วนอาเซียน อย่างอินโดนีเซียคาดโต 6% เวียดนามก็โต โดยรวมเอเชียเติบโตได้ดีกว่ายุโรป สหรัฐฯ และไทย จึงแนะนำให้มองโอกาสการลงทุนให้กว้างขึ้นและหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม บนการเติบโตของไทยเพียง 2.5%

เตรียมออกกองทุน 4 ธีมลงทุน ARK Investment

“แนวโน้มหุ้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมมองว่ายังเติบโตได้ แม้ปีที่ผ่านมาจะขึ้นแรง แต่คาดการณ์ได้ยากว่าหุ้นจะพักฐานเมื่อไร จึงแนะนำทยอยลงทุน หากรออาจเสียโอกาส แนะจัดพอร์ตกระจายลงทุน อย่าไปทุ่มลงทุนหุ้นเทคเพียงอย่างเดียว ธีมหลักๆ แนะนำ หุ้นจีน หุ้นเทค หุ้นพลังงานทางเลือก หรืออาจเพิ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์ได้”นายอดิศร กล่าว

พร้อมกันนี้เตรียมออกกองทุนธีมเมติก 4 ธีมลงทุนในวันที่ 15 มี.ค.นี้ เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีภายใต้กองทุนหลัก ARK Investment Management LLC.ซึ่งโดดเด่นในเรื่องการจัด ETF แบบ Active ได้แก่ ธีม Disruptive Innvation , Technology, Asian Expert, Sustainable