HoonSmart.com>>ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก ฯ (TPLAS) โตสวนโควิด เร่งอัดฉีดกำลังผลิต หลังออร์เดอร์กลุ่มถุงพลาสติกร้อน-ถุงหูหิ้ว-กล่องอาหารและถ้วยกระดาษ ทะลัก
“ธีระชัย ธีระรุจินนท์” เผยปี 64 แตกไลน์สินค้าใหม่ “กล่องข้าว BEATBOX -ถ้วยกระดาษ” ปูพรมลงเครื่องจักรเพิ่มเต็มสปีด 10 เครื่อง กำลังผลิต 31 ล้านชิ้น/ปี อนาคตรายได้ 50% ของบริษัท ฯ มั่นใจปีนี้รายได้โตไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท รักษามาร์จิ้น 18-20%
นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก ( 1994) เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัท ฯ ได้แตกไลน์สินค้าใหม่ เป็นบรรจุภัณฑ์กระดาษ ประเภท กล่องใส่อาหาร ( BEATBOX ) และถ้วยกระดาษ จากการรณรงค์ลดใช้พลาสติก-กล่องโฟม ซึ่งบริษัท ฯ ได้ลงเครื่องจักรตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา 3 เครื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างทยอยติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มอีก 7 เครื่อง รวมเป็น 10 เครื่อง คาดติดตั้งเสร็จปลายมี.ค. และเริ่มผลิตสร้างรายได้ทันที กำลังผลิต 31 ล้านชิ้น/ปี จากเดิม 3 เครื่องมีกำลังผลิต 5 ล้านชิ้น/ปี
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฯ กล่าวว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มกระดาษนี้ เป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจถุงพลาสติกหูหิ้ว จากการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติก และกล่องโฟม ซึ่งผลิตภัณฑ์ใหม่มีโอกาสเติบโตสูงมาก และมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ากลุ่มเดิมของบริษัทที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,000 รายแล้ว คาดว่าสัดส่วนรายได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ประมาณ 5% โดยกลุ่มถุง “หมากรุก” ยังเป็นรายได้หลัก 85% และฟิล์มยืดห่ออาหาร “Vow WRAP” 10%
” การแตกไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ กล่องอาหารและถ้วยกระดาษ เป็นการปรับตัวของบริษัท เพื่อลดความเสี่ยงจากกฎหมายบังคับการเลิกใช้กล่องโฟม ส่วนถุงร้อน ยังไม่มีการบังคับ ซึ่งการบังคับใช้ถุงก๊อปแก๊บหรือถุงพลาสติกหูหิ้วแบบบาง กฎหมาบังคับให้ทำ 36 ไมครอน บริษัท ฯ ผลิตหนากว่าผู้ประกอบการอื่นอยู่แล้ว จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะสามารถขยายให้สูงอีกเพียง 1 ไมครอน เท่านั้น แต่การรณรงค์ดังกล่าว บริษัท ฯ ต้องเริ่มปรับตัวผลิตกล่องอาหารกระดาษและถ้วยกระดาษ ขึ้นมา เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ซึ่งระยะยาวผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะมีรายได้ 50% หรือกึ่งหนึ่งของบริษัท ”
นายธีระชัย กล่าวถึงจุดแข็งของ TPLAS คือ การเข้าสู่กลุ่มลูกค้าตลาดล่าง ซึ่งเป็นลูกค้าในตลาดสด โดยตรง ทั่วประเทศกว่า 4,000 ราย โดยไม่ผ่านตัวแทนขาย หรือเอเย่นต์ คนกลาง การเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างกว่า ดังนั้นการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ สามารถขายได้กับกลุ่มลูกค้าเดิมที่มีอยู่ และการกระจายสินค้าทุกวันทั่วประเทศ โดยเฉพาะต่างจังหวัด ส่งตรงถึงลูกค้าภายใน 3 วัน
นายธีระชัย กล่าวถึง ผลประกอบการปี 2563 ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากมีต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ และมีคำสั่งถุงร้อน-ถุงหูหิ้ว เข้ามาจำนวนมาก ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ต้องขายสินค้าลักษณะเป็นโควต้า เนื่องจากกำลังผลิตส่วนมากยังต้องพึ่งพิงแรงงานคน จึงได้เพิ่มเครื่องจักรอัตโนมัติเข้ามาเสริม โดยปี 2564 เพิ่มกำลังผลิตสินค้าทุกชนิด 10% จากกำลังผลิตเดิม 70-80% คาดว่ารายได้ปี 2564 ไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท ตามกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “กล่อง-ถ้วยกระดาษ”