บีโอไอไฟเขียว “นิสสัน-ฮอนด้า” ขยายลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า

บอร์ดบีโอไออนุมัติส่งเสริมฯขยายผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ “นิสสัน-ฮอนด้า” มูลค่ารวม 1.6 หมื่นล้านบาท ครึ่งปีแรกยอดยื่นขอรับส่งเสริมเพิ่ม 22% แตะ 2.84 แสนล้านบาท

น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน วันนี้ (25 ก.ค.) มีมติอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแก่กิจการต่างๆ 4 โครงการ มูลค่า 29,631 ล้านบาท

ประกอบด้วย 1.บริษัท นิสสันมอเตอร์ (ประเทศไทย) ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,960 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยบริษัทมีแผนที่จะใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่ากว่า 15,920 ล้านบาทต่อปี เป็นการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสมรุ่น e-Power ซึ่งเดิมมีฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวที่ประเทศญี่ปุ่นถือเป็นเทคโนโลยีหลักในการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยียานยนต์จากระบบเครื่องยนต์ในปัจจุบันไปสู่ระบบไฟฟ้า

2.บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,821 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่บริษัทสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จ.อยุธยา และ จ.ปราจีนบุรี โดยบริษัทมีแผนใช้วัตถุดิบภายในประเทศ เช่น ล้อรถยนต์ ชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ กันชนหน้า/หลัง ชุดสายไฟ เป็นต้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,766.8 ล้านบาท รวมทั้งยังมีแผนในการผลิตชิ้นส่วนอื่นภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนการนำเข้าในอนาคต

3.บริษัท มาร์ส เพ็ทแคร์ (ประเทศไทย) ขอขยายกิจการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง เงินลงทุนทั้งสิ้น 3,600 ล้านบาท ตั้งโรงงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี

และ4.บริษัท ไทย แอร์เอเชีย เอ็กซ์ ขยายกิจการขนส่งทางอากาศ เงินลงทุนทั้งสิ้น 9,250 ล้านบาท โดยจะเช่าเครื่องบินแบบ Airbus A330 รวมจำนวน 6 ลำ ความจุผู้โดยสารลำละ 377 ที่นั่ง เพื่อให้บริการครอบคลุมทั้งการขนส่งผู้โดยสาร ทั้งแบบประจำเส้นทางและแบบเช่าเหมาลำ ทั้งนี้บริษัทจะขยายเส้นทางใหม่ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ เช่น จีน ญี่ปุ่น ฮ่องกง และออสเตรเลีย นับว่ามีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบิน และส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย

ก่อนหน้านี้ บีโอไออนุมัติส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้วหลายราย ได้แก่ โครงการผลิตรถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า โครงการผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเมอร์เซเดสเบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 20,000 ล้านบาท รวมทั้งกิจการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและ High Density Battery จำนวน 6 ราย เงินลงทุนรวม 5,400 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมในกิจการผลิตรถยนต์ไฮบริดที่รอการพิจารณาอีก 2 ราย

น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า บีโอไอได้รายงานบอร์ดบีโอไอถึงภาวะการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 (ม.ค.-มิ.ย.2561) ซึ่งนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน 754 โครงการ เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีมูลค่าเงินลงทุน 2.84 แสนล้านบาทใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปี 2560

ทั้งนี้ โครงการที่ยื่นขอรับส่งเสริมฯ เป็นโครงการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย 316 โครงการ คิดเป็น 46% ของจำนวนโครงการทั้งหมด มูลค่าเงินลงทุนรวม 2.24 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 82% ของมูลค่าเงินลงทุนโดยรวม

สำหรับการยื่นขอรับส่งเสริมฯในพื้นที่อีอีซีมีจำนวน 142 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.83 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 122% เมื่อเทียบกับปีก่อน

“บีโอไอมั่นใจว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่อีกหลายรายจะยื่นขอรับส่งเสริมในช่วงครึ่งหลังของปี 2561”น.ส.ดวงใจกล่าว