HoonSmart.com>>บล.ทิสโก้ประเมินบจ.ได้รับผลกระทบน้อย กรณีการไฟฟ้าลาวเลื่อนจ่ายเงินค่าซื้อไฟฟ้า แก้สัญญาใหม่ให้ผลตอบแทนน้อยลง ยกเว้น บีซีพีจี ที่มีโรงไฟฟ้า 2 แห่ง สร้างรายได้ถึง 22% จากทั้งหมด ส่วนราชกรุ๊ปยอมรับ ” เงินกีบ” 1 ล้านดอลลาร์ ไว้จ่ายผู้รับเหมาและค่าแรงในโครงการหงสา
บล.ทิสโก้วิเคราะห์ความเสี่ยงจากโครงการส่งไฟฟ้าในลาว หลังมีรายงานข่าวว่าการไฟฟ้าลาว หรือ Electricite du Laos (EDL) ได้เลื่อนการชำระเงินไฟฟ้าที่สั่งซื้อจากผู้ผลิตภาคเอกชนในลาวตั้งแต่ ก.ย. 2563 และกลับมาเจรจาทำสัญญาซื้อพลังงานระหว่าง EDL และภาคเอกชนอีกครั้ง โดยเปลี่ยนการชำระเงินจากดอลลาร์เป็นลาวกีบ พร้อมลดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน ( IRR) ลง และลดปริมาณขั้นต่ำในการซื้อลง เพราะความต้องการใช้ไฟฟ้าที่ลดลง เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 และสถานะทางการเงินของ EDL คาดจะเห็นผลกระทบโดยรวมค่อนข้างจำกัด ยกเว้น บริษัท บีซีพีจี (BCPG)
” เรามองว่า BCPG จะได้รับผลมากที่สุด เนื่องจากมีโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำในประเทศลาวอยู่สองโครงการ Nam San 3A และ 3B โดยกำลังการผลิตรวม อยู่ที่ 114 MWe คิดเป็น 21% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด (ณ สิ้นปี 2564) หรือรายได้ราว 22% จากรายได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม BCPG จะเริ่มให้บริการไฟฟ้าแก่ Vietnam Electricity (EVN) หลังสร้างเสาส่งไฟเชื่อมระหว่างลาวและเวียดนามเสร็จในช่วงกลางปี 2565 อีกทั้งจากการประชุมนักวิเคราะห์ที่ผ่านมายังยืนยันว่าจะไม่ส่งผลต่อโครงการของ BCPG “บล.ทิสโก้ระบุ
นอกจากนี้ยังคาดมีความเสี่ยงกับไทยค่อนข้างต่ำ BGRIM มีโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำขนาดเล็กสองโรงงานในโลก กำลังการผลิตรวม 25MWe น้อยกว่า 1.5% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทในปีนี้ ทั้งนี้โครงการของภาคเอกชนที่มีกำลังการผลิตสูงส่วนใหญ่จะจำหน่ายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย( กฟผ.) กว่า 90%
โรงงานส่วนใหญ่ในลาวเผชิญความเสี่ยงด้านการล่าช้า โดยเฉพาะโรงงานที่มีหน้าที่ส่งมอบไฟฟ้าให้แก่ EDL ปัจจุบัน BGRIM กำลังพัฒนา 6 โครงการไฟฟ้าพลังงานน้ำด้วยกำลังการผลิตรวม 70MWe โดยจะส่งให้ EDL ทั้งหมด แต่ถือเป็นเพียง 8% ของแผนการก่อสร้างและพัฒนาในช่วง 2563-2568 คาดว่าโครงการเหล่านี้อาจถูกเลื่อนออกไปราว 4-5 ปี อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รวมอยู่ในการคำนวณ ประเมินความเสี่ยงในการส่งไฟฟ้าให้แก่กฟผ.และ EVN ต่ำกว่ามาก เช่นโครงการ Nam Thuen 1 ของบริษัทผลิตไฟฟ้า (EGCO) และ โครงการไฟฟ้าพลังงานลมของ BCPG
บล.ทิสโก้ระบุว่า การประเมินมูลค่าและความเสี่ยง แนะนำให้ ถือ BCPG โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 14.50 บาท โดยยังคงมูลค่าเหมาะสม และคำแนะนำของทุกบริษัท ปัจจัยเสี่ยงได้แก่ การหยุดดำเนินการกระทันหัน อุปสงค์ลดลง และค่าวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้น
ด้านนาย กิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทราช กรุ๊ป (RATCH) กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบเล็กน้อย จากโรงไฟฟ้าหงสา โดยการไฟฟ้าลาว ยังจ่ายเงินอยู่ แต่เนื่องจากไม่สามารถหาเงินดอลลาร์สหรัฐได้ ขอจ่ายเป็นเงินกีบแทน ซึ่งสามารถนำมาใช้ในโครงการหงสา ที่มีการก่อสร้าง จ่ายให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างและค่าแรงงานของพนักงาน