ขาใหญ่หนี OR ติดแคชบาลานซ์ กลุ่มปตท.แห่แจกปันผลปี 63

HoonSmart.com>>บล.ทิสโก้-ทรีนีตี้เตือน ระวังหุ้น”ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก” ติดแคชบาลานซ์ หากราคาหุ้น 18 ก.พ.สูงกว่า 27 บาท แถมเสี่ยงถูกลดน้ำหนักใน SET50 และ SET 100  รายใหญ่หลีกเลี่ยง ไม่อยากวางเงินสด 100%ส่วน  5 หุ้นครอบครัวปตท. ประกาศผลงานปี 63 จ่ายปันผล ตอบแทนมากกว่า 1% ต่อปี บล.ทรีนีตี้มอง”ไทยออยล์”ดีขึ้น เพิ่มเป้ากำไรปีนี้ อีก 15% เป็น 4,284 ล้านบาท “PTTGC” ไตรมาสที่ 4 กำไรสุทธิ 6,405 ล้านบาทดีตามคาด บล.ไทยพาณิชย์ชวนเก็บหุ้นใหญ่คุณภาพดี PTTEP,IVL กลุ่มพลังงาน PTTEP, PTT, TOP  

การซื้อขายหุันบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก  (OR) วันที่สองยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ราคาขึ้นไปสูงสุดที่ 36.50 บาท และปิดที่ 34 บาท เพิ่มขึ้น 4.75 บาท เท่ากับ 16.24% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงที่สุดของวัน 38,881 ล้านบาท วันที่ 15 ก.พ. 2564 ทั้งนี้ให้ผลตอบแทนเกือบ 90% ของราคา IPO ที่ 18 บาท

บล.ทิสโก้วิเคราะห์ว่า ปัจจุบัน OR เข้าเงื่อนไขแคชบาลานซ์ปกติครบแล้ว หากราคาเกิน 27 บาท (P/E 40 เท่า)

บล.ทรีนีตี้มองหุ้น OR เข้าข่ายแคชบาลานซ์ นักลงทุนต้องวางเงินสด 100% ก่อนสั่งซื้อหุ้น ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป โดยจะต้องพิจารณาอีกครั้ง ณ ราคาปิด วันที่ 18 ก.พ. หากอยู่สูงกว่า 27 บาท ดังนั้นนักลงทุนจะต้องระวัง

นอกจากนี้ ราคาหุ้น OR จะดีต่อระยะสั้น แต่หลังจากผ่านพ้นช่วงปรับพอร์ตของกองทุนในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ไปแล้ว ราคายิ่งสูงขึ้นไปเท่าไหร่ ก็จะมีความเสี่ยงอาจถูกลดน้ำหนักในดัชนี SET 50 และ SET 100 ลงมากเท่านั้น เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ตัดสินใจปรับเกณฑ์วิธีการคำนวณดัชนีเป็นรูปแบบ Free-Float adjusted market Cap

ด้านบริษัทในกลุ่มปตท.จำนวน 5 บริษัท ทยอยประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 แม้ว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณโควิด-19 แพร่ระบาดและราคาน้ำมันดิบผันผวนกดดันราคาผลิตภัณฑ์ แต่บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล ให้อัตราผลตอบแทนมากกว่า 1% ต่อปี อาทิ บริษัทไทยออยล์(TOP) จ่ายหุ้นละ 0.70 บาท รวมเป็นเงิน 1,428 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 1.19% ขึ้น XD วันที่ 25 ก.พ. 2564 บริษัทไออาร์พีซี(IRPC) แจกหุ้นละ 0.06  บาท ผลตอบแทน 1.62% ต่อปี

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยผลงานปี 2563  ขาดทุนสุทธิ 3,301.41 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 6,276.68 ล้านบาท

บล.ทรีนีตี้ ปรับคำแนะนำเป็น “ถือ” หุ้น TOP ให้ราคาเป้าหมาย 60 บาท/หุ้น ปรับประมาณกำไรปี 2564 ขึ้น 15% เป็น 4,284 ล้านบาทจากต้นทุนค่าเสื่อมที่ลดลง เนื่องด้วยบริษัทมีการ revalue asset life ของโรงกลั่นส่งผลให้ค่าเสื่อมราคาลดลงประมาณ 500-600 ล้านบาทต่อปี แต่อาจจะมีกำไรจากสต๊อก ในไตรมาส 1 แต่ยังขาดทุนจากการดำเนินงาน 500-1,000 ล้านบาท รวมครึ่งปีอาจจะยังขาดทุนด้วย แต่น่าจะฟื้นตัวแรงในครึ่งปีหลัง ถ้าเริ่มมีการให้การบินระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้นหลังจากมีการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง

ด้านบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) มีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,682 ล้านบาท ไตรมาสที่ 4/2563 มีกำไรสุทธิ 6,405 ล้านบาท หรือ1.43 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2562 ซึ่งถือว่าดีตามคาด

ส่วนแนวโน้มในปี 2564 คาดราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 54-56 เหรียญ โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดความต้องการใช้น้ำมันของโลก อยู่ที่ 96.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือเพิ่มขคึ้น 5.5 ล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา ราคาผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องจาดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา คาดราคาเม็ดพลาสติก HDPE อยู่ที่ราว 960-1,000 เหรียญ ส่วนต่างของผลิตภัณฑ์ HDPF กับแนฟทาอยู่ที่ 500-510 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนแผนการลงทุน 5 ปี (2564-2568) คาดใช้เงินประมาณ 642 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในปีนี้จำนวน 305 ล้านเหรียญสหรัฐ และปีหน้าจำนวน 203 ล้านเหรียญสหรัฐ

บล.ไทยพาณิชย์คาดดัชชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,490-1,525 จุด โดยการปรับขึ้นยังถูกจำกัด เนื่องจากขาดปัจจัยหนุนใหม่ และเผชิญแรงขายทำกำไร  กลยุทธ์ พอร์ตหลักให้รอคำแนะนำเข้าซื้อก่อน ช่วงนี้ให้ซื้อเก็งกำไรแบบเลือกหุ้นใหญ่คุณภาพดี มูลค่าน่าสนใจ คาดกำไรฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 1 คือ PTTEP, IVL  ซื้อเฉพาะที่มีข่าวดี Global Plays กลุ่มพลังงานได้แก่ PTTEP,PTT และTOP

ตลาด วันที่ 15 ก.พ. 2564 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,522.72 จุด +14.37 จุด หรือ +0.95% มูลค่าการซื้อขาย 106,651.80 ล้านบาท ต่างชาติซื้อ  1,650  ล้านบาท  สถาบันทิ้ง 3,593  ล้านบาท

อ่านข่าว

PTTGC ควัก 4,487 ลบ. ปันผล 1 บาท XD 25 ก.พ.นี้