10 หุ้นเด่น ปันผลสูงกลางปี

บริษัทขนาดใหญ่ หุ้นปันผลตกเป็นเป้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ บล.ทรีนีตี้แกะ 10 หุ้นแจกระหว่างกาลสูงสุด LH เป็นแชมป์ ผลตอบแทนเกิน 3% TCAP เล็งปันผลเพิ่ม ทุ่ม 1,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นคืนเกือบ 80 ล้านหุ้น หรือ 6.57% บล.บัวหลวงเชียร์ KKP บล.เอเซียพลัส แนะนำ SCC,PTTGC, IRPC และ TOP

นักลงทุนต่างชาติกลับเข้ามาซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง รวม 3 วัน(20,23 และ 24 ก.ค.2561 ) เป็นเงินทั้งสิ้น 3,899 ล้านบาท ส่งผลให้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นแรง รวมถึงหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ขยับขึ้นมารับผลกำไรสุทธิไตรมาส 2/2561 ที่ดีเกินคาดการณ์ จังหวะนี้เป็นโอกาสเหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ในมือหรือกำลังตัดสินใจซื้อเพิ่ม เลือกหาหุ้นพื้นฐานดีมีเงินปันผลสูง โดยบริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ได้คาดการณ์หุ้นที่จะให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลระหว่างกาลปีนี้สูงสุด 10 อันดับแรก จากข้อมูล Bloomberg consensus พบว่า บริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์(LH) ให้อัตราผลตอบแทนสูงสุด มากกว่า 3% ตามด้วย บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)และธนาคารเกียรตินาคิน(KKP)ทั้งนี้ ข้อมูลใช้ราคาปิด ณ วันที่ 23 ก.ค. 2561

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า หุ้นที่ให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูงขึ้นกลางปีนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากราคาหุ้นปรับตัวลงมาก เช่น บริษัทบิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนปันผลสูงเกือบ 2%

ทั้งนี้ BEAUTYจ่ายเงินปันผลกลางปี 2560 หุ้นละ 0.15 บาทและจ่ายสิ้นปีอีก 0.258 บาท รวมเป็นเงิน 0.408 บาทต่อปี

ทางด้าน บริษัท ทุนธนชาต (TCAP) ซึ่งเป็นหุ้นปันผลสูงอีกตัวหนึ่ง ล่าสุดคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติให้เปิดโครงการซื้อหุ้นคืน โดยบริหารเงินจำนวน 1,000 ล้านบาท ในการซื้อหุ้นคืนจากตลาดหลักทรัพย์จำนวน 79,296,648 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6.57% ของหุ้นที่ชำระแล้ว ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค. 2561 ถึงวันที่ 7 ก.พ. 2562 ซึ่งการซื้อหุ้นคืน จะทำให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับผลตอบแทนปันผลสูงขึ้น เนื่องจากหุ้นที่ซื้อคืนจะไม่ได้รับเงินปันผล

บล.บัวหลวงแนะนำซื้อ KKP ราคาเป้าหมาย 85 บาท ในฐานะหุ้นปันผล คาดจ่ายหุ้นละ 5.25 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 7.2% ในปี 2561 และอัตราผลตอบแทน 6.8% ในปี 2560 หลังจากกำไรไตรมาส 2/2561 กำไรดีกว่าคาด จากรายการพิเศษ ส่วนแนวโน้มไตรมาส 3 คาดกำไรจะเติบโตในระดับกลางๆ โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มกำไรปี 2561 คาดสินเชื่อเติบโต 15% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 11%

บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ว่า จากนี้ไปจะเข้าสู่การรายงานงบการเงิน ของหุ้นกลุ่ม real sector โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด(มาร์เก็ตแคป) ขนาดใหญ่ ซึ่งจะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ คือ SCC แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 600 บาท คาดกำไรไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.26 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% จากไตรมาส 1 PTTEP ให้มูลค่า 137 บาท แนะนำให้สลับตัว คาดไตรมาส 2 กำไรสุทธิลดลงถึง 66.1% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1 แต่หากตัดรายการพิเศษ พบว่ากำไรปกติเพิ่มขึ้น 21% ตามราคาขายและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น

ส่วนธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี แม้คาดกำไรสุทธิเติบโตจากไตรมาส 1 หลักๆ มาจากการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมัน ทั้ง IRPC แนะนำซื้อ ให้มูลค่า 7.70 บาท และ TOP มูลค่าเหมาะสม 93 บาท แนะให้สลับตัว (ยกเว้น PTTGC ให้ซื้อ มูลค่า 98 บาท คาดกำไรสุทธิลดลง จากไตรมาส 1 ) แต่ผลการดำเนินงานปกติคาดอ่อนตัวลง เนื่องจากค่าการกลั่นที่ลดลง เช่นเดียวกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงในสายอะโรเมติกส์ (ยกเว้นสายโอเลฟินส์ยังทรงตัวได้)

แนวโน้มไตรมาส 3 ยังคงอ่อนตัวลงต่อจากไตรมาส 2 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นและแผนการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และปริมาณผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีใหม่ที่จะผลิตเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้คาดจะไม่มีการบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมันในระดับสูงเช่นในงวดไตรมาส 2 อีกทั้งผลกระทบจากค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อ ทำให้อาจจะเผชิญกับขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้อีกทางหนึ่ง

“ราคาหุ้นที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงนี้มาจากการเก็งกำไรตามค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้นช่วงสั้น แต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานแล้วมีโอกาสที่ราคาจะปรับลงได้หลังจากนี้ จึงแนะนำหาจังหวะทยอยขายทำกำไร และกลับมาลงทุนหลังไตรมาส 3 “บล.เอเซียพลัสระบุ

สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่แล้วแนะนำถือต่อในหุ้นที่เงินปันผลที่ค่อนข้างสูง ทั้ง PTTGC, IRPC และ TOP คาดอัตราผลตอบแทนปันผลสูงกว่า 5% ต่อปี

****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com