เมย์แบงก์ฯให้ซื้อ GOLD เป้า13.30 บาท ถือ SIRI รับปันผล 6.5%

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งวิเคราะห์หุ้นอสังหาริมทรัพย์ ยก TOP เป็นสุดยอดในกลุ่มกำไรไตรมาส 3 นิวไฮ 9 เดือนโกยกำไร 1,575 ล้านบาท ส่วนแสนสิริ แนะนำถือให้ราคา 1.82 บาท ไตรมาส 2 โตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 แต่งานในมือไม่มาก ครึ่งปีหลังจะโดดเด่นมาก

บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ยังคงชอบและคงให้ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) เป็น Top Pick ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยมีราคาเป้าหมายที่ 13.30 บาท/หุ้น ราคาปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนพี/อี 13 เท่า และ 1.8 เท่าของมูลค่าหุ้นทางบัญชี(พี/บีวี)

แนวโน้มไตรมาส 3/2561(เม.ย.-มิ.ย.)คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 498 ล้านบาท จะเติบโตทั้งไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันปีก่อน 7.4% และ1.2% ตามลำดับ ในปีนี้มีโอกาสที่จะทำได้สูงกว่าประมาณการของเรา แม้ในปีนี้ GOLD อาจมียอดโครงการเปิดใหม่และพรีเซลไม่ถึงตามเป้า แต่ยังเติบโตโดดเด่นเพียงพอที่ยังหนุนให้ทั้ง รายได้ กำไรสุทธิ และพรีเซลเป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง รวมทั้งการเปิดโครงการ สามย่าน มิตรทาวน์ ในช่วงปลายปีนี้จะหนุนทั้งมูลค่าทรัพย์สิน และสัดส่วนรายได้ประจำเพิ่มขึ้น

คาดรายได้ไตรมาส 3/2561 อยู่ที่ 3,814 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และ 7.1% จากไตรมาส 2 แม้พรีเซลจำนวน 3,000 ล้านบาทจะอ่อนตัวจากเฉลี่ยรายไตรมาสของครึ่งปีแรกที่ประมาณ 4,500 ล้านบาทก็ตาม เนื่องจากความล่าช้าของการเปิดโครงการ แต่ด้วยงานในมือที่รอรับรู้รายได้สะสมมาค่อนข้างแข็งแกร่งทำให้รายได้ยังทำได้ดี ขณะที่อัตราการทำกำไรขันต้นคาดยังสูงที่ 33.4% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารยังทำได้ต่ำ รวม 9 เดือนมีรายได้ 11,542 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% และมีกำไรสุทธิ 1,575 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

GOLD มีมูลค่างานในมือรอรับรู้รายได้หรือ Backlog ล่าสุดที่ 5,100 ล้านบาท บางส่วนจะสามารถบันทึกรายได้ในปีนี้ ดังนั้นประเมินว่ามีโอกาสเกิดเพิ่มขึ้นบนประมาณการของเราที่คาดรายได้และกำไรสุทธิที่ 14,680 บาทเพิ่มขึ้น 59.4% และ 1,832 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 67% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามลำดับ แม้ในปีนี้เรามองว่ามีโอกาสที่พรีเซลและการเปิดโครงการใหม่จะต่ำกว่าเป้า คาดมูลค่าของโครงการใหม่ที่จะเปิดในปีนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาท พุ่งขึ้น 270% ต่ำกว่าเป้าของบริษัที่ 34,000 ล้านบาท พุ่งขึ้น 340% ช้าจากการจัดสรรและขออนุญาต สอดคล้องกับ พรีเซลที่ 16,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 60% ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 20,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% โดยพรีเซลทำได้ประมาณ 12,000 ล้านบาท

“GOLD มีจุดเด่นที่มีสัดส่วนของรายได้ประจำที่สูงและมูลค่าทรัพย์สินที่โดดเด่นทั้งสินทรัพย์สินในปัจจุบันและที่อยู่ระหว่างก่อสร้างคือ สามย่าน มิตรทาวน์ รวมทั้งผลประกอบการที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่องมากว่า 4 ปีและคาดว่าจะทำได้ต่อในปีนี้ ” บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็งระบุ

ทั้งนี้ในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 465 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 161 ล้านบาทหรือ พุ่งขึ้น 52.96% และรวม 6 เดือนมีกำไรสุทธิ 1,081 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 668 ล้านบาทหรือคิดเป็น 161%จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิเพียง 413 ล้านบาท

ส่วนบริษัทแสนสิริ(SIRI) บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง แนะนำ “ถือ” เพื่อรับเงินปันผลประมาณ 6.5%ต่อปี ให้ราคาเป้าหมาย 1.82 บาท คาดไตรมาส 2 กำไรสุทธิ 421 ล้านบาท ลดลง 47.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ดีขึ้น 67.7% จากไตรมาส 1 ส่วนรายได้อยู่ที่ 5,335 ล้านบาท ลดลง 37.4% แต่เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับไตรมาส 1 รวม 6 เดือนแรกปีนี้ SIRI จะมีรายได้ 10,367 ล้านบาท ลดลง 33.2% และกำไรสุทธิ 672 ล้านบาท ลดลง 49% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

บริษัทแสนสิริมีอัตราการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นเท่ากับ 31.2% ในไตรมาส 2 จากไตรมาส 1 26.6% และ 30.7% ในไตรมาส2/2560 ดีขึ้นทั้งจากโครงการที่ส่งมอบและส่วนรายได้จากการร่วมลงทุน ส่วนที่กดดันคือค่าใช้จ่าย SG&A ที่คาดจะสูงขึ้นเป็น 24% ของรายได้รวมเนื่องจาก SIRI เปิดโครงการใหม่จำนวนมากทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนแบ่งกำไรจากจากการร่วมลงทุน เท่ากับ 180 ล้านบาทดีขึ้นมากจากไตรมาสก่อนหน้า

เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ SIRI สัดส่วนของกำไรสุทธิอยู่ในครึ่งปีหลัง กว่า 80% โดยคาดกำไรสุทธิดีขึ้นเป็นลำดับในไตรมาส 3 และ 4 แต่ Downside ของผลประกอบการยังคงมีจาก มูลค่างานในมือที่ยังไม่เด่น ขณะที่พรีเซลจะเด่นในไตรมาส 3 จากการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ ซึ่งมีโอกาสทำให้ถึงเป้าได้และหนุนมูลค่างานในระยะยาวมากกว่าระยะสั้น