BAY ลั่นปีนี้ลดสำรอง NPLs ต่ำ 2% เป้า 3 ปีเชื่อมอาเซียน เพิ่มรายได้ใหม่

HoonSmart.com>>ธนาคารกรุงศรีอยุธยาเปิดแผนปีนี้ สินเชื่อโต 3-5% เน้นขยายลูกค้ารายใหญ่ 5-6% ลดรายย่อย-เอสเอ็มอี  แนวโน้มลดตั้งสำรอง กด NPLs ต่ำที่สุดในระบบแบงก์เหลือประมาณ 2% ทุ่มงบลงทุนไอทีปีละ 8-8.5  พันล้านบาท ลั่นไม่ลดพนักงาน ถือโอกาสประกาศแผน 3 ปี สถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียนในปี 2566  สร้างทำเลใหม่ในการเติบโตระยะยาว

นาย เซอิจิโระ อาคิตะกรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ในเครือของมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) หนึ่งในกลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดระดับโลก แถลงแผนธุรกิจระยะกลางฉบับใหม่ (2564-2566) มุ่งสู่การเป็นสถาบันการเงินไทยที่เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า พร้อมเชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าทั่วทั้งภูมิภาคอาเซียน

ธนาคารจะดำเนินการภายใต้ 5 กลยุทธ์ ประกอบด้วย การปฏิรูปธุรกิจลูกค้ารายย่อยให้เป็นหนึ่งเดียว การเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจด้านลูกค้าธุรกิจ การสร้างระบบนิเวศและพันธมิตรทางธุรกิจ การขยายธุรกิจสู่ระดับภูมิภาคอาเซียน และการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่  โดยพิจารณาจากความสำเร็จของแผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่ผ่านมา แนวโน้มเมกะเทรนด์ของโลก พร้อมดึงศักยภาพจากการประสานพลังระหว่างความเชี่ยวชาญและเครือข่ายระดับโลกของ MUFG เข้ากับจุดแข็งอันโดดเด่นของกรุงศรี เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
“แผนธุรกิจระยะกลางฉบับที่ 2 ซึ่งครอบคลุมปี 2561-2563 ที่ผ่านมา เราสามารถบรรลุเป้าหมายในการก้าวสู่การเป็นกลุ่มสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศไทย จึงให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่กับการเร่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดใหม่ ๆ ภายนอกประเทศ โดยอาศัยความแข็งแกร่งและศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา ในการพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นใหม่ ๆ ”

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564 ภายใต้ภาวะความไม่แน่นอนจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ธนาคารยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้า การรักษาคุณภาพสินทรัพย์ให้แข็งแกร่งต่อเนื่อง และการบริหารค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ธนาคารกรุงศรีอยุธนา ประกาศแผนธุรกิจในปี 2564 คาดเงินให้สินเชื่อจะเติบโต 3-5% โดยเน้นสินเชื่อรายใหญ่ขยายตัว 5-6% ส่วนลูกค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีจะขยายตัว 3-4% เพราะความไม่แน่นอนสูงมาก จึงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินทรัพย์ ขณะเดียวกันมีแนวโน้มที่จะตั้งสำรองลดลงจากปีที่ผ่านมาที่ตั้งไว้สูงแล้ว และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ระดับต่ำประมาณ 2% จากเป้าที่ตั้งไว้  2.7% และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3.1-3.3%

นอกจากนี้ธนาคารกรุงศรีฯไม่มีแผนที่จะลดจำนวนพนักงาน โดยมีการใช้งบลงทุนด้านเทคโนโลยีปีละ 8,000-8,500 ล้านบาท ให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและบริการ พร้อมลดค่าใช้จ่ายอื่นๆ แทน

ส่วนการนำบริษัท เงินติดล้อ เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  ปัจจุบันธนาคารถือหุ้นสัดส่วน 50% ก็จะลดลงเหลือประมาณ 30 %คาดว่าจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) กลางปีนี้ แต่ทั้งนี้จะต้องพิจารณาภาวะตลาดประกอบด้วย