ASP กำไร 416 ลบ. ปี 63 โต 16% วอลุ่มเทรดพุ่งหนุนรายได้เพิ่ม

HoonSmart.com>> “เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” #ASP เปิดงบปี 63 กำไรสุทธิ 416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% กวาดรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 291 ล้านบาท โต 50% เฉพาะงวดไตรมาส 4/63 รายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์พุ่ง 104% หลังวอลุ่มเทรดคึกคัก หนุนกำไรเติบโต 55%

บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดปี 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 415.77 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 359.42 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.17 บาท

บริษัทมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 290.65 ล้านบาท หรือ 50% จากปีก่อน แต่มีการลดลงของกำไรเหลือ 244.73 ล้านบาท จากงวดปีก่อนอยู่ที่ 331.43 ล้านบาทและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ

ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจาก 1,468.26 ล้านบาท ในงวดปี 2562 เป็น 1,606.08 ล้านบาท ในปี 2563 ส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานและค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยที่ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์สิทธิการใช้และค่าใช้จ่ายอื่นลดลงจากค่าเช่าซึ่งบันทึกเป็นสินทรัพย์สิทธิการใช้ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563

สำหรับงวดไตรมาส 4/2563 มีกำไรสุทธิ 130.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์จำนวน 243.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2562 เนื่องจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์เฉลี่ยต่อวันของบริษัทเพิ่มขึ้นจาก 1,285 ล้านบาท เป็น 3,173 ล้านบาท

รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น 44.67 ล้านบาท หรือ 22% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุน ค่านายทะเบียนและค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนรวม ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารกองทุนส่วนบุคคลลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้มีกำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินในไตรมาส 4/2563 จำนวน 114.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรจากเงินลงทุนของบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายรวม 507.01 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานและค่าธรรมเนียมการขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมซึ่งเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับรายได้รวมของบริษัท