ดาวโจนส์ปิดร่วง 633 จุด เฟดคงดอกเบี้ย กังวลเก็งกำไรฉุดตลาด

HooSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดร่วง 633 จุด ผิดหวังเฟดไม่มีมาตรการใหม่เพิ่มเติม คงดอกเบี้ยตามคาด กังวลแรงเก็งกำไรฉุดตลาด ด้านหุ้นยุโรปร่วงยกแผง ราคาน้ำมันดิบ WTI ขยับขึ้น เบรนท์ปรับตัวลดลง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 27 มกราคม 2564 ปิดที่ 30,303.17 จุด ร่วงลง 633.87 จุด หรือ 2.05% นักลงทุนผิดหวังผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนและกังวลมากขึ้นต่อการต่อการเก็งกำไร และหลังจากรับรู้แถลงการณ์ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลาง (เฟด)

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,750.77 จุด ลดลง 98.85 จุด, -2.57%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,270.60 จุด ร่วงลง 355.47 จุด, -2.61%

การลดลงของดัชนีหลักส่วนหนึ่งมาจากการลดลงของหุ้นโบอิ้งและแรงขายของเฮดจ์ฟันด์เพื่อปิดสถานะชอร์ต และการเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยที่เพิ่มมากขึ้นสร้างความกังวลในตลาด หุ้นที่มีการขายชอร์ต ทั้ง GameStop และ AMC Entertainment ราคายังปรับขึ้นจากนักลงทุนมือใหม่ที่ซื้อขายรายวัน และยังกังวลว่าผลกระทบของการขาดทุนจำนวนมากของเฮดจ์ฟันด์จะส่งผลในวงกว้างไปยังส่วนอื่นของตลาดเพราะเฮดจ์ฟันด์ขายหุ้นออกเพื่อระดมเงินสด ตลอดจนกังวลว่าตลาดมีราคาแพงเกินไปแล้วและจะร่วงลในในเร็วๆนี้

หุ้นโบอิ้ง ลดลง 3.97% จากผลขาดทุนไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดและเป็นการขาดทุนติดต่อกัน 5 ไตรมาส เป็นผลจากการที่เครื่องบินรุ่น 737 MAX ถูกสั่งห้ามบิน และการระงับการบินจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด

นักลงทุนไม่ขานรับผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดที่คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0.00-0.25%

อีกทั้งผิดหวังที่เฟดไม่ได้ประกาศมาตรการใหม่ๆ แต่ก็คลายกังวลว่าไม่มีการลดซื้อพันธบัตรโดยแถลงการณ์เฟดระบุว่า จะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เท่าเดิม ที่วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือน โดยจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน จนกว่าจะเห็นการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานและเงินเฟ้อเป้าหมายอย่างชัดเจน และระบุว่ากิจกรรมเศรษฐกิจและการจ้างงานฟื้นตัวพอสมควรใน 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ภาคที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการระบาดของไวรัสยังอ่อนแอ

นอกจากนี้ตลาดยังกังวลต่อความไม่แน่นอนของการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัสของประธานาธิบดีโจ ไบเดนวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะทั้งพรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมากในวุฒิสภาเกินครึ่งมาเล็กน้อยเท่านั้น และจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 100 ล้านแล้ว

ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า รัฐบาลกำลังจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก 200 ล้านโดส ซึ่งมากพอที่จะคุ้มครองชาวอเมริกันเกือบจะทุกคนภายในสิ้นหน้าร้อนนี้

กระทรวงพาณิชย์รายงาน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเดือนธันวาคม(ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ) เพิ่มขึ้น 0.6% ซึ่งปรับขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารลดลงก่อนรายงานผลการดำเนินหลังตลาดปิด โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 6.88% หุ้นอัลฟาเบทลดลง 4.67% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 3.51% หุ้นทวิตเตอร์ ลดลง 2.98% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลดลง 2.81%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานที่ลดลง 3.4% จากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกยังเพิ่มขึ้น

ในอังกฤษ นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน รายงานต่อรัฐสภาว่า ผู้ที่เดินทางเข้าจาก 22 ประเทศจะต้องกักตัวในโรงแรมที่รัฐบาลจัดไว้ รวมทั้งเตือนประชาชนไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศหากพบตัวที่สนามบินและเดินทางออกโดยไม่มีเหตุผลสมควรจะต้องถูกส่งตัวกลับบ้าน

นอกจากนี้ยังเก็งกันว่าฝรั่งเศสอาจจะล็อกดาวน์ทั่วประเทศหลังผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดรอบ8 สัปดาห์

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 402.98 จุด ลดลง 4.72 จุด, -1.16%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,567.37 จุด ลดลง 86.64 จุด, -1.30%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,459.62 จุด ลดลง 63.90 จุด, -1.16%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,620.46 จุด ลดลง 250.53 จุด, -1.81%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 24 เซนต์ปิดที่ 52.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 10 เซนต์ปิดที่ 55.81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล