บลจ.วรรณ มองบวกหุ้นตปท. โค้งแรกชู ONE-DISC & ONE-ALLCHINA แลกการ์ด

HoonSmart.com>>หลังสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น สำหรับกองทุน “ONE-GECOM” ซึ่งลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอีคอมเมิร์ซทั่วโลก ได้ประโยชน์จาก Lockdown เต็มๆ ด้วยการครองแชมป์ผลตอบแทนสูงสุดของอุตสาหกรรมในรอบปี 2563 สูงถึง 114.47% ตามด้วย “ONE-UGG-RA ที่เน้นหุ้นเติบโตสูงทั่วโลก อยู่ที่ 84.68% และขึ้นแท่นผลตอบแทนสูงสุดในรอบ 3 ปีย้อนหลัง เฉลี่ย 30% ต่อปี สร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุน

สำหรับปี 2564 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) วรรณ ยังมองแนวโน้มตลาดหุ้นมีทิศทางที่ดี โดยเฉพาะหุ้นต่างประเทศ จึงแนะนำให้นักลงทุนจัดพอร์ตกระจายลงทุน เพื่อโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ขณะที่หุ้นไทยขยับขึ้นมายืนแถว 1,500 จุดอย่างรวดเร็ว พี/อีสูง ราคาแพง จนอัพไซด์เริ่มจำกัด

นายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.วรรณ กล่าวว่า ภาพรวมการลงทุนในปี 2564 นี้มองสินทรัพย์เสี่ยงมีความโดดเด่นค่อนข้างมากอย่างเห็นได้ชัดจากอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ สภาพคล่องในตลาดโลกยังสูงและรัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาต่อเนื่อง รวมทั้งวัคซีนเริ่มกระจายฉีดในหลายประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนทำให้หุ้นยังลงทุนได้ต่อเนื่อง สะท้อนได้จากผู้จัดการกองทุนทั่วโลกลดการถือเงินสดลงและลงทุนเต็มพอร์ต ซึ่งบลจ.วรรณเองก็เช่นกัน

พอร์ตลงทุนเน้นหุ้นโลก 40%

สำหรับภาพการลงทุนปีนี้ยังให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นต่างประเทศต่อเนื่อง โดยแนะนำจัดพอร์ตหุ้นโลกสัดส่วน 40% ซึ่งเน้นหุ้นจีนและหุ้นโลกเป็นหลัก หรืออาจกระจายไปยังหุ้นเวียดนาม อาเซียนหรือตลาดเกิดใหม่เพิ่มเติมได้

ส่วนตราสารหนี้ 40% เน้นไฮยิลด์บอนด์ที่แนวโน้มผลตอบแทนน่าสนใจ ขณะที่ความเสี่ยงการผิดนัดชำระมองว่าน้อยลงหลังเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ส่วนหุ้นไทยแนะนำลงทุนเพียง 10% และที่เหลืออีก 10% ลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายพจน์ กล่าวว่า ปัจจุบันราคาหน่วยลงทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐานปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก 25-30% มากกว่าหุ้นซึ่งลดลง 10-15% เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลกระทบจากค่าเช่า ซึ่งมองเป็นจังหวะในการลงทุน เนื่องจากราคาที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงขึ้น โดยต้องเลือกและเน้นกองทุนที่ไม่ได้รับผลกระทบ COVID-19 เช่น เสาโทรคมนาคม, ดาตาเซ็นเตอร์ เป็นต้น

โค้งแรกมองหุ้นมิด-สมอลแคปโลก-หุ้นจีน Laggard

“สำหรับกองทุนหุ้นต่างประเทศที่แนะนำยังคงเป็นกองทุน Flagship ทั้ง 4 กองทุน โดยกองทุนเด่นในไตรมาสแรกนี้ ได้แก่ กองทุนเปิดวรรณ ดิสคัฟเวอรี่ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผลสำหรับนักลงทุนทั่วไป (ONE-DISC-RA) ลงทุนหุ้นขนาดกลางและเล็กทั่วโลกซึ่งมองว่ายัง Laggard และกองทุนเปิดวรรณ ออล ไชน่า อิควิตี้ ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-ALLCHINA-RA) คาดในระยะ 3 เดือนข้างหน้า 2 กองทุนมีแนวโน้มเร่งตวัขึ้นมากกว่า”นายพจน์ กล่าว

ขณะที่กองทุนเปิดวรรณ โกลบอล อีคอมเมิร์ซ (ONE-GECOM) และกองทุนเปิด วรรณ อัลติเมท โกลบอล โกรว์ธ หน่วยลงทุนชนิดไม่จ่ายเงินปันผล สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-UGG-RA) ในระยะสั้นอาจมีการ Sell on Fact หลังจากปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก แต่ด้วยสภาพคล่องที่ล้นระบบและภาวะ Risk on ของนักลงทุน จะทำให้ตลาดหุ้นโลกสามารถ Rebound ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทชั้นนำของโลกที่มีความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีและได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คน (New economy)

ส่วนนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเทรดระยะสั้นแนะนำกองทุนเปิด วรรณ โกลบอล ไฟแนนเชียล ชนิดไม่จ่ายเงินปันผล เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป (ONE-GLOBFIN) ลงทุนหุ้นกลุ่มการเงินทั่วโลก จากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้น ขณะที่ตั้งแต่ต้นปีหุ้นวัฎจักรฟื้นตัวขึ้นโดดเด่นจากความคาดหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังเริ่มมีการใช้วัคซีนต้าน COVID-19 นำโดยหุ้นพลังงาน

ด้านผลงานกองทุน Flagship ในรอบปี 2563 ที่ผ่านมาทั้ง 4 กองทุนมีผลการดำเนินงานโดดเด่นในเกือบทุกช่วงเวลา ทั้ง ONE-UGG-RA, ONE-DISC-RA, ONE-GECOM, ONE-ALLCHINA-RA โดยมีเงินไหลเข้าลงทุนหลายหมื่นล้านบาท โดยเฉพาะเดือนพ.ค.-มิ.ย. เงินไหลเข้ากองทุนหุ้นต่างประเทศค่อนข้างมาก ถือเป็นสัญญาณดีที่นักลงทุนไทยไม่กลัวการลงทุน ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 และเลือกกระจายการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งมีธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จาก COVID-19

กองทุน ONE-UGG-RA เน้นหุ้นเติบโตทั่วโลก ได้พรีเมี่ยมจาก COVID-19 และ Lockdown ประมาณ 50% ขณะที่ ONE-DISC-RA ที่เน้นหุ้นเติบโตขนาดกลางและเล็กทั่วโลกก็ทำได้ผลตอบแทนได้ดีเช่นกัน 76.04% ทั้งสองกองทุนมีกองทุนหลักของ Baillie Gifford ซึ่งก่อนหน้านี้ยังไม่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนไทยและบลจ.วรรณเป็นรายเดียวที่มีกองทุนของ Baillie Gifford ในปีที่ผ่านมา

ส่วนกองทุน ONE-GECOM ลงทุนผสมระหว่าง ETF และหุ้นรายตัวที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายออนไลน์ทั่วโลก ซึ่งได้อานิสงส์จากล็อกดาวน์ในยุโรปและสหรัฐฯ อย่างมากในปีที่ผ่านมา ขณะที่ ONE-ALLCHINA-RA ลงทุนหุ้นจีน ซึ่งมีพี/อีต่ำสุดในโลก ก็ทำผลตอบแทนได้ 24% และตั้งแต่ต้นปีถึง 25 ม.ค.ขึ้นมากว่า 10% สูงเป็นอันดับหนึ่งในปีนี้ ซึ่งเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง

หุ้นไทยอัพไซด์จำกัด เป้าสิ้นปี 1,600 จุด

นายพจน์ กล่าวว่า เหตุผลที่ให้น้ำหนักลงทุนในหุ้นไทยน้อย เนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นมาเร็วจนยืนแถว 1,500 จุด ซึ่งอัพไซด์เหลือไม่มากเมื่อเทียบเป้าหมายสิ้นปีที่มองไว้ประมาณ 1,600 จุด หากวัคซีนป้องกัน COVID -19 เริ่มฉีดได้ภายในครึ่งแรกของปี แต่หากต้องรอวัคซีนไปจนถึงครึ่งปีหลังและยังไม่สามารถเปิดประเทศได้ จากการแพร่ระบาด COVID -19 ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้าลง ดัชนีสิ้นปีนี้อาจลงไปบริเวณ 1,300 -1,400 จุด

ขณะเดียวกันมองอัตราดอกเบี้ยปีนี้น่าจะคงระดับ 0.50% ส่วนเงินบาทแนวโน้มแข็งค่าจากดอลาร์อ่อน คาดปีนี้ประมาณ 29 -30 บาท/ดอลลาร์ ยังกดดันภาคการส่งออก ดังนั้น ตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดหุ้นต้องรอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ

“ทิศทางหุ้นไทยยังต้องดู COVID-19 เป็นหลัก เพราะฟันด์โฟลว์เคยไหลออกจากหุ้นไทยมาแล้วจากความกังวล COVID-19 เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพาต่างประเทศสูง ทั้งการส่งออกและนักท่องเที่ยว คาด GDP ปีนี้ขยายตัว 3-5% อีกทั้งในตลาดไม่มีหุ้นกลุ่มนวัตกรรม ประกอบกับพี/อีตลาดหุ้นไทยสูง 25-26 เท่า ถือว่าแพง อัพไซด์เหลือไม่มาก เมื่อเทียบหุ้นโลกยังมีอัพไซด์ประมาณ 10%”นายพจน์ กล่าว

ออกทริกเกอร์ฟันด์เสิร์ฟลูกค้า SCB ต่อเนื่อง

สำหรับแผนงานในปี 2564 เตรียมออกกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ลงทุนหุ้นต่างประเทศประมาณ 10 กอง หลังจากปีที่ผ่านมาบลจ.วรรณได้ร่วมมือกับกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์นำเสนอกองทุนหุ้นต่างประเทศให้แก่ลูกค้าไฮเน็ตเวิร์คในกลุ่ม SCB PRIVATE BANKING และ SCB FIRST ซึ่งประสบผลสำเร็จอย่างดี ทริกเกอร์ไปแล้ว 7 กองทุนก่อนกำหนดโดยใช้เวลาเฉลี่ย 3 เดือน กับผลตอบแทน 8% ใน 8 เดือน รับซื้อคืนอัตโนมัติครั้งละ 4% โดยต้นเดือนก.พ.นี้เตรียมเปิดขายกองใหม่รองรับความต้องการลูกค้าที่ยังมีอยู่สูง

นายพจน์ กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาบลจ.วรรณให้น้ำหนักการศึกษาเชิงลึกและวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของหุ้นกลุ่มใหม่ๆ และนำมาผสมผสานกันเพื่อหากลยุทธ์ทั้งในรูปแบบหาพันธมิตรที่เชี่ยวชาญในหุ้นกลุ่มนั้น รวมถึงการคัดเลือกหุ้นลงทุนโดยผู้จัดการกองทุนของเราเอง เช่น กลุ่มนวัตกรรม กลุ่มเทคโนโลยีทางการแพทย์กลุ่มสินค้าแบรนด์เนม เพื่อจับจังหวะตลาดต่างประเทศทั้งในตลาดหลักและตลาดรอง ซึ่งทริกเกอร์ฟันด์จะเลือกลงทุนผสมกองทุนหลักถึง 3 กองทุน ได้แก่ กองทุน ONE-UGG, ONE-DISC และ ONE-ALLCHINA เป็นส่วนใหญ่

สำหรับปีนี้บลจ.วรรณจะปรับกลยุทธ์การบริหารพอร์ต โดยเน้นลักษณะลงทุนตรงและคัดเลือกหุ้นโดยผู้จัดการกองทุนต่างประเทศควบคู่กับการลงทุนแบบ Fund of Funds โดยไม่เจาะจง กองทุนหลักหรือพันธมิตรรายใดรายหนึ่งเป็นพิเศษ เพื่อให้กองทุนมีความยืดหยุ่น

“เป้าหมายของบลจ.วรรณในปีนี้ คือ การยกระดับแผนการลงทุนต่างประเทศ โดยให้ผู้จัดการกองทุนที่เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในตลาดต่างประเทศของบริษัทเป็นผู้จัดสรรการลงทุนมากขึ้น เพราะกองทุนหลักแต่ละแห่งจะมีความโดดเด่นที่แตกต่างกัน ซึ่งจะต้องผสมผสานความยืดหยุ่นนี้เข้าด้วยกัน โดยขณะนี้ เรากำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อนำเสนอกองทุนต่างประเทศเพิ่มเติมในลักษณะลงทุน Fund of Funds โดยลงทุนมากกว่า 80% และ 20% คัดเลือกหุ้นโดยตรงจากผู้จัดการกองทุน ซึ่งอาจเป็นการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งพิจารณาออกกองทุนทางเลือกใหม่ๆ” นายพจน์ กล่าว

ด้วยเป้าหมายในการเป็นผู้นำนวัตกรรมใหม่ๆ ของบลจ.วรรณ หลังปีที่ผ่านมาเปิดตัวกองทุน Life Settlement ซึ่งเป็นกองทุนทางเลือกที่ไม่อิงต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจและตลาดหุ้น โดยเน้นลงทุนจากการเข้าซื้อขายกรมธรรม์ประกันชีวิตในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นกองทุนเดียวในไทย รวมทั้งการเปิดตัวบริษัทในเครือภายในปีนี้ ซึ่งมีกลยุทธ์และบริการแตกต่างจากที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมเป็นที่น่าจับตา