บล.บัวหลวงแนะเพิ่มพอร์ตหุ้น 70% ตปท.40% ไทย30% โภคภัณฑ์เด่นสุด

HoonSmart.com>>บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ชี้หุ้นขาขึ้น ปี 64 เศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวอย่างพร้อมเพียง เงินอาจไหลกลับหุ้นไทยเกือบ 2 แสนล้านบาท แนะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นจาก 60% เป็น 70% ช่วงสั้นผันผวนหลังเข้าเป้าปีนี้ 1,500 จุด ให้แนวรับ 1,480 จุด หลีกเลี่ยงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์-อสังหาริมทรัพย์ ส่วนตราสารหนี้ให้ลดจาก 15% เหลือ 5% กองทุนอสังหาฯคงน้ำหนัก 10% ทองคำ 15%  

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นที่กำลังพัฒนาไปสู่ขาขึ้นในปี 2564 จึงยังคงมีมุมมองที่ดีต่อการลงทุน “สินทรัพย์เสี่ยง” โดยได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น จาก 60% เป็น 70% แบ่งเป็นหุ้นไทย 30% และหุ้นต่างประเทศ 40% เน้นหุ้นจีนและหุ้นสหรัฐฯ เพราะทั้ง 2 ประเทศมีบริษัทเทคโนโลยีจำนวนมากที่เป็น New Economy และภายใน 10 ปีข้างหน้ายังคงมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน แนะปรับลดน้ำหนักการลงทุนตราสารหนี้จาก 15% เหลือประมาณ 5% และคงน้ำหนักการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 10% และ “ทองคำ” ประมาณ 15%

ปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นได้แก่ การฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจในประเทศจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโลกให้ฟื้นตัวอย่างพร้อมเพียงในปีนี้   2.กำไรบริษัทจดทะเบียน ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว มีโอกาสจะกลับไปสู่กำไรก่อนโควิด-19 ระบาด หากวัคซีนโควิด-19 เข้าถึงประชาชนอย่างแพร่หลาย 3 เริ่มเห็นสัญญาณการโยกเม็ดเงินลงทุน จาก สินทรัพย์เสี่ยงต่ำเข้าสู่ตลาดหุ้น และน้ำมัน ผ่านการขายพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 2 ปีไม่ได้ปรับตัวขึ้น สะท้อนความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะไม่รีบร้อนในการปรับอัตราดอกเบี้ยในระบบขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจค่อย ๆ ฟื้นตัว เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น การถือครองเงินสด ฝากเงินในธนาคาร หรือลงทุนในพันธบัตรจึงไม่ตอบโจทย์ในเวลานี้

นอกจากนี้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ มีแนวโน้มไหลกลับเข้าตลาดหุ้นไทย หลังในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559- 2563) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิประมาณ 6.2 แสนล้านบาท โดยในปี 2559 ซื้อสุทธิ 77,927 ล้านบาท ปี 2560 ขายสุทธิ 25,755 ล้านบาท ปี 2561 ขายสุทธิ 287,458 ล้านบาท ปี 2562 ขายสุทธิ 45,244 ล้านบาท และปี 2563 ขายสุทธิ 264,385 ล้านบาท ดังนั้นมีโอกาสที่จะเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้าตลาดหุ้นประมาณ 1.5 – 2 แสนล้านบาท ในปี 2564 หากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวตามคาด ประกอบกับตลาดหุ้นไทยและเศรษฐกิจไทยเน้นไปทางด้านการผลิตอุตสาหกรรม ส่งออก และท่องเที่ยว

“เม็ดเงินลงทุนต่างชาติ ถือเป็นปัจจัยหลักที่จะหนุนให้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นทะลุเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ บล.บัวหลวง มองเป้าหมายดัชนีปี 2564 ที่ระดับ 1,550 จุด คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 86 บาท และหากภาคการท่องเที่ยวกลับมา และส่งออกฟื้นตัว ก็อาจปรับประมาณการดัชนีขึ้นได้อีก  ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบเริ่มไต่ระดับขึ้นมายืนแถว 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรกลุ่มปตท.” นายชัยพร กล่าว

อย่างไรก็ตามปัจจัยระยะสั้นที่นักลงทุนยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ 1.ปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ มองการปรับขึ้นค่าแรงและภาษีนิติบุคคลในสหรัฐฯ จะทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และน่าจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย  ส่วนปัจจัยภายในประเทศเช่น เรื่องรัฐบาลออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19  ส่วนแนวโน้มระยะยาวยังคงต้องติดตามเรื่องความเสถียรภาพทางการเมือง และการผลักดันโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ

สำหรับกลุ่มแนะนำลงทุน คือ 1.กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์  จะได้รับแรงหนุนมาจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และกำลังซื้อกลับมา 2.กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคภายในประเทศ กลุ่มคอนซูเมอร์ไฟแนนซ์และกลุ่มพาณิชย์ 3.กลุ่มท่องเที่ยว คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และ 4.กลุ่มโรงพยาบาล

ส่วนกลุ่มหลีกเลี่ยง คือ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เพราะราคาแพงเกินไป  เช่นเดียวกับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่น่าสนใจในเวลานี้ อย่างไรก็ดีสำหรับมุมมองการลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ นักลงทุนสามารถลงทุนได้ โดยคาดว่าอัตราผลตอบแทนน่าจะใกล้เคียงดัชนี ภายหลังการตั้งสำรองฯน้อยลงในปีนี้

“ตลาดในไตรมาสแรกดัชนีอาจผันผวน เพราะเข้าใกล้เป้าหมายของปีนี้แล้ว  อาจเห็นแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง แต่บนความเชื่อมั่นที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจจะฟื้นตัว เราจะเห็นตลาดหุ้นมีแรงซื้อกลับ เบื้องต้นมองแนวรับระดับ 1,480 จุด” นายชัยพร กล่าว