ส่งออกมิ.ย.โต 8.19%

พาณิชย์ เผยตัวเลขส่งออกในเดือน มิ.ย. เติบโต 8.19% ส่งผลให้ครึ่งปีแรกเติบโต 10.95%

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.มีมูลค่า 21,779 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดต่างประเทศที่เติบโต 9.5%

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.) มูลค่าส่งออกอยู่ที่ 125,811 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.95% ขณะที่การนำเข้าสินค้าช่วง 6 เดือนแรก มีมูลค่า 122,356 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้ไทยดุลการค้าใน 6 เดือนแรก 3,455 ล้านเหรียญสหรัฐ

น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.ที่เติบโต 8.19% นั้น เป็นไปตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ การส่งออกของไทยเติบโตทุกตลาด เช่น จีน ญี่ปุ่น และยุโรป รวมถึงสหรัฐ โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ผู้ส่งออกไทยสามารถปรับตัวเพื่อรองรับผลกระทบสงครามการค้า และส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2,488 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.9%

“การกีดกันการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้สหรัฐนำเข้าสินค้าจากไทยเข้าไปทดแทนสินค้าจากจีน สะท้อนได้จากตัวเลขการส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐในเดือนมิ.ย.ที่มีมูลค่า 2,488 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า ในส่วนสินค้าเทคโนโลยีและไอทีที่สหรัฐออกมาตรการตอบโต้จีนนั้น ไม่ได้กระทบต่อไทยและทำให้ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ได้เพิ่มขึ้น โดยสินค้าไอทีเพิ่มขึ้น 21% เครื่องคอมพิวเตอร์และชิ้นส่วนเพิ่มขึ้น 50% เครื่องจักรเครื่องมือเพิ่มขึ้น และชิ้นส่วนยานยนต์เพิ่มขึ้น 41% เป็นต้น

ส่วนสินค้ากลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมที่สหรัฐเพิ่มภาษีนำเข้าจากหลายประเทศนั้น ทำให้ไทยส่งออกสินค้าเหล็กไปสหรัฐในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 29.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เช่น ท่อเหล็กเพิ่มขึ้น 291% เหล็กและเหล็กกล้า เพิ่มขึ้น 500% และเหล็กอื่นๆเพิ่มขึ้น 34% ส่วนสินค้าแผงโซลาร์เซลส์และเครื่องซักผ้าที่สหรัฐฯขึ้นภาษีนำเข้าจากไทยนั้น พบว่าการส่งออกแผงโซลาร์เซลลดลง 21.9% และเครื่องซักผ้า 2.0%

“มีประเด็นที่ต้องกังวล คือ การส่งออกในกลุ่มผลิตภัณฑ์เหล็กที่ส่งออกจากไทยไปสหรัฐที่เพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดจากการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า (สวมสิทธิ์) จากไทยแล้วส่งออกไปยังสหรัฐ”น.ส.พิมพ์ชนกกล่าว
น.ส.พิมพ์ชนก มองว่า การส่งออกทั้งปี 2561 จะเติบโตได้ 8% แน่นอน แต่หากต้องการให้การส่งออกเติบโต 9% การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้จะต้องส่งออกให้ได้เดือนละ 22,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และหากเติบโต 10% การส่งออกต้องได้เดือนละ 22,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนในกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ เพื่อประเมินตัวเลขอีกครั้ง