TMBAM-TFUND มั่นใจกองทุน GINNO ยังรุ่ง หุ้นนวัตกรรมโต ชูธีมหลักลงทุนปีนี้

HoonSmart.com>> “บลจ.ธนชาต-ทหารไทย” มั่นใจกองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO แนวโน้มเติบโตดี คาดเป็นธีมหลักในการลงทุนปีนี้ หลังหุ้นบริษัทผลิตรถยนต์ระดับโลก Tesla และบริษัทเจ้าของนวัตกรรมตัดต่อยีนพันธุกรรมอย่าง Crispr ทำผลตอบแทนได้ดี หนุนผลตอบแทนทั้ง 2 กองทุนทะลุ 40% หลังเปิดขายปลายเดือนต.ค.63 ขนาดกองทุนพุ่งแตะ 9.8 พันล้านบาท

อดิศร เสริมชัยวงศ์

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ธนชาต จำกัด (Thannachart Fund Eastspring) และบลจ.ทหารไทย จำกัด (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา กองทุนหุ้นเทคโนโลยีทำผลตอบแทนได้ร้อนแรง โดย บลจ.ธนชาต และ บลจ.ทหารไทย ได้มีการเปิดขายกองทุนนวัตกรรมล้ำอนาคตอย่าง T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO เมื่อวันที่ 29 ต.ค.63 และในสองเดือนสุดท้ายของปี ทั้งสองกองทุนก็ทำผลงานมาได้มากกว่า 40% ซึ่งนักลงทุนให้การตอบรับดีมาก ปัจจุบันขนาดกองทุนของทั้ง T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO รวมกันประมาณ 9,800 ล้านบาทแล้ว โดยก็เชื่อว่ากองทุนนี้ยังจะได้รับความนิยมและเป็นธีมการลงทุนหลักสำหรับปีนี้อย่างแน่นอน (แหล่งที่มา Morningstar, 13 ม.ค.64)

“จริงๆแล้ว ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในปัจจจุบันมีความหลากหลายมาก มีทั้งเทคโนโลยีทั่วไปที่มีมานานแล้ว เทคโนโลยีที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน แต่เทคโนโลยีที่เราให้ความสนใจมาก คือ เทคโนโลยีแห่งอนาคต เนื่องจากนวัตกรรมนี้จะทำให้การใช้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผลที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างรายได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเรามองว่าทาง ARK Invest ซึ่งมี Catherine Wood เป็น CEO และที่ปรึกษาด้านการลงทุนนั้น มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนวัตกรรมมาก เน้นลงทุนในนวัตกรรมที่ล้ำสมัยที่จะก้าวเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกและสามารถสร้างเป็นธุรกิจได้ เพราะเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไม่ใช่องค์ประกอบที่สำคัญเพียงส่วนเดียว แต่ต้องมีโมเดลธุรกิจ ความรู้ ทักษะ และการสนับสนุนจากส่วนอื่นๆ ร่วมด้วย” นายอดิศร กล่าว

สำหรับกองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO มีนโยบายลงทุนในกองทุน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund เป็นกองทุนที่แม้จะออกโดย Nikko แต่ส่งต่อการบริหารกองทุนให้ ARK Invest ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการบริหารหุ้นนวัตกรรม

ตัวกองทุนหลักอย่าง Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund ปัจจุบันมีขนาดกองทุนอยู่ที่ 7.2 พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สามารถทำผลงานตลอดปี 2020 ได้ถึง 147.65 % และตั้งแต่จัดกองทุนมาเมื่อวันที่ 31 ม.ค.62 จนถึงวันที่ 13 ม.ค.64 กองทุนนี้ทำผลตอบแทนไปแล้ว 57.31% ต่อปี (แหล่งที่มา Morningstar, 13 ม.ค.64)

สาเหตุที่ผลตอบแทนกองทุนนี้ค่อนข้างสูง เนื่องกองทุนจะเน้นลงทุนในหุ้นนวัตกรรมล้ำอนาคต และถือคติว่าจะเป็นเจ้าแรกๆที่เข้าไปลงทุนในบริษัทนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันทาง ARK เน้นลงทุน 5 ธีมหลักด้วยกัน

1) Energy Storage ระบบกักเก็บพนังานถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบไฟฟ้าแห่งอนาคต ทำให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ได้ และสามารถทำให้เป็นธุรกิจได้เพราะราคาต้นทุนที่ต่ำกว่าในอดีตแต่กลับมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเดิมมาก โดยเทคโนโลยีในกลุ่มนี้ ธุรกิจได้ที่ประโยชน์มากๆ คือ รถยนต์ไฟฟ้าที่แต่เดิมแบตตารี่เป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนยังไม่อยากใช้ ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีนี้พัฒนาไปมากแล้ว

2) Artificial Intelligence สำหรับเทคโนโลยนีส่วนนี้จะเป็นการสร้างความฉลาดให้กับคอมพิวเตอร์ในการทำความเข้าใจและแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่ง Ark เองเชื่อว่าในธีมนี้ยังพัฒนาไปได้อีกไกล ยิ่งธุรกิจไหนสามารถสร้างการเรียนรู้ให้ AI ของตัวเองมีความฉลาดเท่าไหร่ กำไรในธุรกิจนั้นๆจะมากขึ้นตามไปด้วย

3) DNA Sequencing สำหรับเทคโนโลยีธีมนี้จะเป็นเรือ่งที่เกี่ยวกับการถอดรหัสและแก้ไขพันธุกรรม เพื่อป้องกันและรักษาโรคร้าย และในปีที่ผ่านมาธีมนี้ก็สามารถทำผลตอบแทนได้น่าสนใจมาก

4) Robotics สำหรับเทคโนโลยีธีมนี้ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสิ่งต่างๆ อาทิ ทำให้รถยนต์ ให้สามารถเป็นรถยนต์ไร้คนขับได้

5) Blockchain สำหรับเทคโนโลยีธีมนี้ เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เงินสามารถโอนผ่านกันไม่ยาก ต้นทุนต่ำ และไม่ผ่านตัวกลาง ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับ Bitcoin ด้ว ย ในปี 2020 Bitcoin มีการปรับตัวขึ้นมากว่า 200% โดยจะเห็นถึงความนิยมของ Bitcoin ที่สูงขึ้นมาก จนมีการคาดการณ์กันว่า Bitcoin จะกลายเป็น safe haven แห่งใหม่ของนักลงทุนเหมือนทอง “ทองคำ”

สำหรับกองทุนนี้ก็ลงทุนหุ้นที่น่าสนใจ อย่างTesla ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน โดย ARK คาดการณ์ว่ารถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะโตปีละ 79% ต่อปีภายในปี 2567 ทำให้ หุ้น Tesla ของอิลอน มาร์ส กลายเป็นหุ้นที่เนื้อหอมสุดๆในเวลานี้ จนหลายคนเริ่มมีคำถามว่าตอนนี้แพงไปหรือยัง

หุ้นที่น่าสนใจอีกหนึ่งตัวที่กองทุนนี้ลงทุนคือ SQUARE เป็นบริษัทที่บริหารโดย Jack Dorsey ผู้บริหารของ Twitter” ผู้นำทางด้านโซเชียลมีเดียของสหรัฐ โดยบริษัทนี้เป็นผู้ให้บริการด้านการชำระเงิน ระบบการขาย การจัดการเงินเดือน รวมถึงการปล่อยกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก ทำให้บริษัทสามารถเก็บข้อมูลต่างๆของลูกค้าจนพัฒนาเป็น Cash App แอปพลิเคชันที่มีการเติบโตเร็วสุดในสหรัฐ ที่ล่าสุดยอดดาวน์โหลดแซงหน้า Venmo ของ Paypal ไปแล้ว ซึ่งแอปพลิเคชั่นนี้ทำให้การโอนเงินหรือรับเงินระหว่างบุคคลสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และค่าใช้จ่ายที่ถูกว่าธนาคารพาณิชย์มาก โดยในปี 2563 Square เป็นบริษัทแห่งเดียวที่เป็นบริษัท Fintech แล้วได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อแบบธนาคาร

และหุ้นที่ตัวในพอร์ตที่มีความน่าสนใจคือ อย่างบริษัท Crispr Therapeutics ที่ปัจจุบันกองทุนลงทุนเป็นอันดับที่ 4 บริษัทนี้เป็นบริษัทที่เกี่ยวกับการตัดแต่งยีนของมนุษย์ โดยบริษัทนี้เป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ถือ CRISPR IP (สิทธิบัตร) โดยโฟกัสไปยังการรักษา โลหิตจาง และธาลัสซิเมีย บริษัทให้ความสำคัญกับการเป็นเจ้าแรกเนื่องจากเป็นเจ้าแรกที่ได้ทดลองในมนุษย์ ซึ่งในปี 2020 บริษัทนี้สามารถทำผลตอบแทนทั้งปีได้เกือบ 300%

ดังนั้น กองทุนนี้จึงเหมาะกับผู้ที่สนใจและต้องการเกาะเทรนด์การลงทุนในหุ้นนวัตกรรมเปลี่ยนโลก ต้องการหาโอกาสรับผลตอบแทนสูงๆ แต่สามารถรับความเสี่ยงมากๆได้ นอกจากนั้น ยังเหมาะกับผู้ที่ลงทุนในกองทุนเทคโนโลยีทั่วๆไปอยู่แล้ว อย่างพวกหุ้นในกลุ่ม “FANG” อย่าง Facebook, Amazon, Apple, Netflix และ Google และนำกองทุนนี้ไปเติมเต็มให้พอร์ตลงทุนของคุณให้ครอบคลุมทุกโอกาสที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

กองทุน T-ES-GINNO และ TMB-ES-GINNO ได้มีการจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 29 ต.ค.63 โดยผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนจนถึงวันที่ 13 ม.ค.64 นั้น กองทุน T-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 47.20% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index (THB))13.95% ในขณะที่ TMB-ES-GINNO ทำผลตอบแทนได้ 45.94% Benchmark (MSCI World Net Total Return USD Index (THB)) 13.95% (แหล่งที่มา Morningstar, 13 ม”8″64)