HoonSmart.com>>บล.ทิสโก้เตือนให้ระวังหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำใน SET 50 คือ DELTA-KTC-IVL และ ESSO ใน SET 10 จากปริมาณหุ้นหมุนเวียนต่ำกว่าเฉลี่ย ราคาแรงเร็วและเกินมูลค่าเหมาะสม ส่วนเกณฑ์ที่ตลาดกำลังจะออกมา คาด 3 แนวคือ เพิ่มฟรีโฟลท จาก 20% เป็น 25% ปรับใช้ข้อมูลเฉลี่ยแทนงวดล่าสุด ยกระดับกำกับการซื้อขายผิดปกติ ดับร้อนเร็วขึ้น
บล.ทิสโก้วิเคราะห์หุ้นฟรีโฟลทต่ำ พบว่าหุ้นใน SET50 Index มีฟรีโฟลทเฉลี่ย 46.4% (สูงสุด = 98.6%, ต่ำสุด = 22.4%) และหุ้นใน SET51-100 Index มีฟรีโฟลทเฉลี่ย 48.4% (สูงสุด = 87.8%, ต่ำสุด = 21.2%) โดยหุ้นใน SET50 ที่มีฟรีโฟลทต่ำที่สุด 5 อันดับแรก คือ DELTA (22.4%), VGI (24.7%), GPSC (24.7%), AWC (25.0%) และ TOA (25.0%) ขณะที่หุ้นใน SET51-100 ที่มีฟรีโฟลทต่ำสุด คือ BPP (21.2%), ACE (21.8%), CKP (23.8%), EPG (25.9%) และ WHAUP (26.8%) ตามลำดับ
หุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำกว่าเฉลี่ยที่ 46.4% และราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากกว่า 30% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จนขึ้นมาสูงกว่าราคาเป้าหมายของตลาดโดยรวม (Bloomberg Consensus) ในส่วนหุ้นในดัชนี SET50 ที่เข้าข่ายนักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ คือ DELTA, KTC และ IVL เนื่องจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นถึง 301% , 94% และ 70% และระดับราคาหุ้นปัจจุบันมี Downside สูงถึง -73%, -48% และ -14% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นใน SET51-100 ที่ควรใช้ความระมัดระวัง คือ ESSO
ในช่วงเวลาเพียง 2 เดือนเศษ ปรากฏการณ์ราคาหุ้น DELTA ปรับตัวขึ้นมากถึง 300% ทำให้มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ใหญ่เป็นอันดับ 3 เป็นรองแค่ PTT และ AOT เท่านั้น ขณะที่ราคาหุ้น DELTA ปัจจุบันซื้อขายที่ค่า P/E 151 เท่า ดึงให้ค่า P/E ของตลาดสูงขึ้นตามไปด้วย ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30 เท่า จากเดิม 2 เดือนที่แล้วที่อยู่ประมาณ 20 เท่า
ในช่วงเวลาดังกล่าว การปรับตัวขึ้นของดัชนีหุ้นประมาณ 340 จุด หรือ +28% ถูกขับเคลื่อนจากราคาหุ้น DELTA เพียงตัวเดียวถึง 58 จุด หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึงเกือบ 1 ใน 5 ของการปรับตัวขึ้นของตลาดรอบนี้ สะท้อนการปรับตัวขึ้นที่กระจุกตัวมาก
DELTA เพิ่งได้รับคัดเลือกเข้า SET50 ในต้นเดือน ม.ค.นี้ กำลังสร้างความกังวลแก่ตลาดถึงความร้อนแรงของราคาหุ้นที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดโดยรวม จนเป็นที่มาของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเล็งหารือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการปรับเกณฑ์การกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือหุ้นฟรีโฟลทต่ำ เพื่อป้องกันภาวะตลาดผันผวน
สำหรับแนวทางการปรับเกณฑ์หุ้นฟรีโฟลทต่ำ บล.ทิสโก้มองว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจปรับ คำนิยาม ที่ใช้ในการกำหนดฟรีโฟลท เพราะคำนิยามในปัจจุบันอาจยังไม่สอดคล้องกับสภาพฟรีโฟลทที่แท้จริงของหุ้นแต่ละตัว โดยเฉพาะเกณฑ์การถือหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์ บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย และกองทุนรวมต่าง ๆ ที่น้อยกว่าระดับ 5% นับเป็นฟรีโฟลท ซึ่งอาจทำให้ฟรีโฟลทสูงกว่าสภาพที่แท้จริง
นอกจากนี้ หลักเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นเข้าคำนวณใน SET50 หรือ SET100 ที่กำหนดให้มีฟรีโฟลทไม่ต่ำกว่า 20% อาจถูกปรับใหม่ให้เข้มงวดขึ้น เช่น เพิ่มเป็น 25% เป็นต้น และอาจไม่ใช้แค่ข้อมูล ฟรีโฟลทล่าสุด ที่ผ่านเกณฑ์เท่านั้น แต่อาจเป็นข้อมูล ฟรีโฟลทย้อนหลัง ที่ผ่านเกณฑ์อย่างสม่ำเสมอ เช่น มีฟรีโฟลทไม่น้อยกว่า 20% เป็นเวลา 3-6 เดือน เป็นต้น ผสานกับอาจมีการยกระดับการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายที่ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 3 ระดับ คือ ระดับ 1: Cash Balance / ระดับ 2: ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance / ระดับ 3: ห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance) ขึ้นแบบต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอรอบการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายเดิมจะสิ้นสุดลงก่อน รวมทั้งอาจมีการใช้มาตรการกำกับการซื้อขายที่ผิดไปจากสภาพปกติของตลาดไม่ใช่แค่ภาวะราคาปรับตัวขึ้นเท่านั้น แต่รวมถึงราคาปรับตัวลงด้วย
ทั้งนี้ ประเด็นทั้งหมดเป็นเพียงมุมมองของบล.ทิสโก้เพื่อเป็นประโยชน์ในการบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนเท่านั้น