NRF เพิ่มเงินลงทุนบ.ร่วมทุนแตะ 508 ลบ. รับแผนซื้อกิจการธุรกิจเติบโต

HoonSmart.com>> บอร์ด “เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์” อนุมัติเพิ่มเงินลงทุนบริษัทร่วมทุนในสหรัฐฯ อีกประมาณ 209 ล้านบาท เป็นวงเงินลงทุนใหม่ 508.8 ล้านบาท หลังเล็งเห็นโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ แนวโน้มเติบโตและผลดำเนินงานดีเกินคาด

บริษัท เอ็นอาร์ อินสแตนท์ โปรดิวซ์ (NRF) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2564 มีมติอนุมัติเพิ่มขนาดเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท เอ็นอาร์เอฟ คอนซูเมอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท (NRF Consumer) และบริษัท Boosted Ecommerce, Inc. (Boosted) ซึ่งเป็นบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยบริษัทลงทุนเพิ่ม 10 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 299.3 ล้านบาท จากเดิมที่แจ้งไว้ในหนังสือชี้ชวนจำนวน 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 209.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินลงทุน 17 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 508.8 ล้านบาท

สาเหตุเนื่องจากบริษัทเล็งเห็นโอกาสในการเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้แบรนด์ Prime Labs ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ด้าน Functional ชั้นนำที่ขายอยู่บนแพลตฟอร์ม Amazon.com ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตและผลการดำเนินงานที่ดีเกินกว่าที่บริษัทคาดไว้ ซึ่งจะทำให้ขนาดรายการมีมูลค่าสูงขึ้นจากที่เคยแจ้งไว้ จึงมีความจำเป็นต้องขออนุมัติเพิ่มขนาดเงินลงทุน

ทั้งนี้ ตามที่บริษัทได้ชี้แจงในหนังสือชี้ชวนเพื่อเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ถึงการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง NRF Consumer กับ Boosted เพื่อวัตถุประสงค์ลงทุนในธุรกิจ Branded e-commerce บน Amazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, Plant-Based Food, Functional Product ที่บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon และสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีเกณฑ์ในการเลือกลงทุนที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัทได้ประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้เดิมบริษัทคาดการณ์ว่าจะใช้เงินลงทุนเบื้องต้น (Initial Investment) สำหรับการลงทุนในธุรกิจ third party seller บน Amazon.com ผ่านทางบริษัทย่อยของบริษัท คือ NRF Consumer เพื่อสร้าง E-commerce platform ของบริษัท จำนวน 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 200 ล้านบาท ภายในปี 2565 ซึ่งบริษัทร่วมทุนถือหุ้นโดย NRF Consumer ถือหุ้นบุริมสิทธิ 55% และ Boosted ถือหุ้นสามัญ 45%

บริษัทยังคงมองว่ากลยุทธ์ดังกล่าว ยังสอดคล้องกับแนวทางการลงทุนในธุรกิจที่มีผลิตภัณฑ์ตามกลุ่มเป้าหมายและเกณฑ์ในการลงทุนที่กำหนดตามเดิม

สำหรับธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จหลังจากที่มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน เงื่อนไขในสัญญาซื้อขายสินทรัพย์ (Asset Purchase Agreement) และสัญญาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับสำเร็จครบถ้วน ซึ่งบริษัทคาดว่าธุรกรรมจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 เว้นแต่จะมีการตกลงกันเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในขั้นตอนการจัดทำ Confirmatory due diligence ซึ่ง หากบริษัทไม่สามารถทำให้มั่นใจได้ว่าธุรกรรมดังกล่าว มีข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนอย่างเพียงพอ จะส่งผลให้สัญญาที่เกี่ยวข้องไม่มีผลบังคับใช้

ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เนื่องจากเห็นว่าการเข้าลงทุนในโครงการดังกล่าวจะทำให้บริษัทเข้าถึงข้อมูลธุรกิจ e-commerce ที่มีความน่าสนใจในการลงทุนบน Amazon.com และเป็นการต่อยอดธุรกิจเดิมไปสู่ Branded e-commerce บน Amazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่มที่บริษัทมีความสามารถในการแข่งขันอยู่แล้ว โดยผลิตภัณฑ์เหล่านั้นต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon.com และสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง และยังทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะขายสินค้าที่บริษัทเป็นผู้ผลิตอยู่แล้วได้ (Cross-selling opportunities)

นอกจากนี้จะทำให้บริษัท ได้รับผลตอบแทนจากเงินลงทุนในบริษัทย่อยและทำให้สามารถนำมารวมเพื่อจัดทำงบการเงินรวม (Financial consolidation) ได้ รวมถึงบริษัทยังสามารถนำข้อมูล ความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการร่วมทุนมาขยายการลงทุนในแถบเอเชีย หรือยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ Digital transformation ของบริษัทอย่างเหมาะสมต่อไป