EA-DELTA ทะยาน ธีมรถไฟฟ้า พลังงานบริสุทธิ์ใหญ่กว่าแบงก์กรุงเทพ

HoonSmart.com>>คนเล่นหุ้น EA รวย แต่คนลงทุนอนุพันธ์รวยยิ่งกว่า ทั้งบล็อกเทรด- ฟิวเจอร์ส ราคาทะยาน 64 บาท วันเดียวมูลค่าพุ่งขึ้น 39,165 ล้านบาทหนุนมาร์เก็ตแคป 238,720 ล้านบาท ใหญ่กว่าธนาคารกรุงเทพที่มีขนาด 230,969 ล้านบาทไปเรียบร้อยแล้ว กำลังแซงหน้า GPSC ส่วน DELTA แรงไม่หยุด 24% ตลาดหลักทรัพย์ขึ้น Alert จับขัง 6-26 ม.ค. นักวิเคราะห์เตือน พลังงานบริสุทธิ์-เดลต้าฯ เกินพื้นฐาน หุ้น 2 ตัวขึ้นทำตลาดบวก 17.50 จุด 

หุ้นบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดศักราชใหม่ วิ่งแรงติดต่อกันสองวันเฉียด 30% โดยเฉพาะวันที่ 5 ม.ค. ราคาทะยานขึ้นไปสูงสุดถึง 65.25 บาท ก่อนที่จะปิดที่ 64 บาท เพิ่มขึ้น 10.50 บาท หรือ +19.63% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9,517.68 ล้านบาท นำหุ้นไฟฟ้าวิ่งตาม บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) บวก 7% เศษ ปิดที่ 84.75 บาท ส่วนบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA ยังมีแรงไล่ซื้อจนราคาปิดที่ระดับสูงสุด 656 บาท พุ่งขึ้น 128 บาท หรือ 24.24% มูลค่าการซื้อขาย 6,144.47 ล้านบาท ส่งผลให้ตลาดสดใส ดัชนีทะลุ 1,500 จุด ปิดที่ระดับสูงสุด 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุดหรือ +2.62%

นักลงทุนสถาบันไทยซื้อต่อ 2,980 ล้านบาท พอร์ตบล.ซื้อตาม 1,198.50 ล้านบาท ส่วนต่างชาติพลิกกลับมาขาย 58 ล้านบาท นักลงทุนไทยทำกำไร 4,120 ล้านบาท

แหล่งข่าวจากตลาดทุน กล่าวว่า นักลงทุนแห่ไล่ซื้อหุ้น EA เพราะเริ่มมีความเชื่อมั่นธุรกิจแบตเตอรี่มากขึ้น หลังเห็นพัฒนาการของเรือไฟฟ้า และรถไฟฟ้า รวมถึงที่ผ่านมาราคาหุ้น EA ขึ้นน้อยกว่าหุ้นไฟฟ้าใหญ่ตัวอื่น เช่น GULF และ GPSC เมื่อมีข่าวบวก นักลงทุนสถาบันจะต้องรีบซื้อ รวมถึง EA ได้รับความนิยมในการใช้อ้างอิงออกผลิตภัณฑ์อนุพันธ์ โดยเฉพาะบล็อกเทรดได้รับความนิยมสูงมาก ราคากระโดดรอบนี้ สร้างกำไรให้กับนักลงทุนที่เล่นอนุพันธ์สูงมาก

ด้านตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมายเตือนหุ้น DELTA มีผลวันที่ 5 ม.ค. เพราะราคาและปริมาณการซื้อขายเปลี่ยนแปลงไปมากจากช่วงก่อนหน้า และอยู่ระหว่างบริษัทชี้แจงข้อมูล (Trading Alert List)  และสั่งให้หุ้นเข้าแคชบาลานซ์ นักลงทุนต้องวางเงินสดทั้ง100 % ก่อนสั่งซื้อหุ้นตั้งแต่วันที่  6-26 ม.ค. 2564  ทั้งนี้หุ้นผิดปกติ  มีแรงโมซื้อเข้ามาก่อนเวลา 16.00 น. ผลักดันราคาจากระดับ 558 บาท  เพิ่มขึ้น 30 บาท พุ่งพรวดไปปิดสูงสุดที่ 656 บาท

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผยว่า หุ้น DELTA กับ EA ปรับขึ้นแรงเกินมูลค่าเหมาะสมไปแล้ว และราคาที่เพิ่มขึ้นวันที่ 5 ม.ค.ส่งผลต่อดัชนีหุ้นถึง 17.5 จุด สาเหตุที่นักลงทุนให้ความสนใจสูงมาจากกระแสอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการเติบโต โดย DELTA เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และ EA เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าโดยตรงที่ทั้ง 2 บริษัทกำลังพัฒนา

ด้านนายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นตั้งแต่เปิดซื้อขายต้นปี 2564  ปรับตัวขึ้นได้ จากกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ GPSC, GULF, EA และ DELTA นักลงทุนเล่นตามปัจจัยบวกของเทรนในอนาคต เช่น อุตสาหกรรมพลังานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้ายังคงปรับขึ้นช้ากว่าตลาด และได้รับผลบวกจากการไม่ถูกกระทบของไวรัสโควิด-19 และเงินบาทที่แข็งค่า