JAK ปักธงเข้าเทรด mai 18 ม.ค.นี้ ชูจุดแข็งอสังหาฯมาร์จิ้นสูง

HoonSmart.com>>“จักรไพศาล เอสเตท” จ่อเข้าเทรดตลาด mai รายแรกของปี 64  ขายหุ้นละ 1.45 บาท วันที่ 8,11-12 ม.ค.64 ระดม 120 ล้านบาทพัฒนาโครงการใหม่-คืนเงินกู้-ใช้เป็นเงินหมุนเวียน คาดเปิดขาย 3 โครงการหนุนรายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/64 มีที่ดินรองรับการพัฒนา 3-5 ปี  ใช้เทคโนโลยีช่วยให้สร้างเสร็จเร็ว  อัตรากำไรขั้นต้น 50% 

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน ของบริษัท จักรไพศาล เอสเตท (JAK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำหนดวันที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) วันแรกวันที่ 18 ม.ค. 2564 หมวดอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง เตรียมเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 82,709,900 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.45 บาท พาร์หุ้นละ 1 บาท เปิดจองวันที่ 8, 11 และ 12 ม.ค. 2564

“การกำหนดราคาขายเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) เท่ากับ 30.87 เท่า  เรามั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน บริษัทมีจุดแข็ง คือ การนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการทำงาน  สามารถบริหารต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ การมีกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน ที่เป็นความต้องการซื้อที่แท้จริง ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ ส่งผลให้ธุรกิจมีการเติบโต อัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560 – 2562) เฉลี่ยสูงถึง 50% ต่อปี สูงกว่าอุตสาหกรรมที่เฉลี่ยอยู่ที่ 30% จึงเชื่อมั่นว่า JAK จะเป็นหุ้นเติบโตที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน” นายชนะชัย กล่าว

วีระพันธ์ จักรไพศาล

ด้านนายวีระพันธ์ จักรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จักรไพศาล เอสเตท (JAK) เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ประมาณ 120 ล้านบาท บริษัทฯ จะนำไปพัฒนาโครงการ ซื้อที่ดิน  ชำระคืนหนี้ธนาคาร และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน  ภายในปี 2564 ส่วนการนำหุ้นเข้า mai จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ ทั้งต่อสถาบันการเงิน  คู่ค้าธุรกิจ รวมทั้งลูกค้า หลังจากขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทฯจะมีทุนเรียกชำระแล้ว 320 ล้านบาท  โดยมีนายวีระพันธ์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สัดส่วน 54.17 %

สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน แต่ด้วยกลยุทธ์ที่บริษัทฯได้ดำเนินการตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ได้นำเทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการ ทำให้มีการก่อสร้างที่รวดเร็ว หากลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อจากธนาคาร บริษัทก็สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายใน 45-60 วัน  จึงมีรายได้รอรับรู้ (Backlog) น้อย แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น

ปัจจุบันมีโครงการที่กำลังพัฒนา 3 โครการ รวมมูลค่าราว 1,422 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มส่งมอบและทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป สนับสนุนรายได้ให้เติบโตแข็งแกร่ง  รวมถึงมีโครงการที่อยู่ระหว่างการเปิดขาย จำนวน 3 โครงการ ที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดการขายโครงการได้แล้ว 21 โครงการ

“เราเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน รอการพัฒนาแล้ว จำนวน 2 แปลง ได้แก่ ที่ดินอำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เนื้อที่ 29 ไร่  และที่ดินตั้งอยู่ที่ซอยนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ เนื้อที่ 2 ไร่เศษ  ตั้งบนทำเลที่มีศักยภาพและเพียงพอสำหรับการพัฒนาในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า” นายวีระพันธ์ กล่าว

นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ JAK เปิดเผยว่า จุดเด่นของ JAK เป็นบริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในหลากหลายประเภท ทั้งแนวราบและแนวสูง ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด   ผู้บริหารมีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญ พัฒนาโครงการประสบความสำเร็จมายาวนานกว่า  25 ปี  บริษัทเป็นผู้นำทางด้านที่อยู่อาศัยหลังแรกของกลุ่มคนระดับกลางถึงล่างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล  จังหวัดสระบุรี และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

”  JAK มีแผนการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่องอย่างชัดเจน จะสนับสนุนการรับรู้รายได้ในปี 2564 ต่อไปจนถึงในระยะยาว โดยงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 69.93 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 12.64 ล้านบาท” นายวรชาติ กล่าว