HoonSmart.com>> โบรกฯ แนะ “ซื้อ” หุ้น “เอกชัยการแพทย์” (EKH) ได้แรงหนุนจากการคัดกรองโควิด-19 แถมไวรัส RSV ที่ระบาดหนักในเด็กเล็กช่วยซัพพอร์ต ด้านผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกยังเข้าใช้บริการต่อเนื่อง ปรับเป้ากำไรสุทธิปี 2563 เพิ่มขึ้น 50% เป็น 52 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปี 2564 ปรับเพิ่มขึ้น 4% เป็น 96 ล้านบาท ชี้เป้าราคาพื้นฐานไว้ที่ 6 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที (KTBST) เผยแพร่บทวิเคราะห์ บริษัท เอกชัยการแพทย์ (EKH) โดยคาดว่า EKH จะมีรายได้จากการคัดกรองโควิด-19 ราว 20 ล้านบาท คิดเป็น 3% ของรายได้รวมปี 2563 โดยฝ่ายวิจัยได้ตั้งสมมติฐานมีผู้เข้าตรวจคัดกรอง 500 เคส/วัน คิดเป็น 11 วัน นับตั้งแต่วันที่ 20-31 ธันวาคม 2563 ค่าใช้จ่ายในการตรวจอยู่ที่ 4,150 บาท/เคส ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีศักยภาพรองรับในการตรวจคัดกรองโควิด-19 (Lab) ประมาณ 1,000 เคส/วัน โดยยังคงมีผู้เข้ามาตรวจคัดกรองอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ปัจจุบันอัตราผู้ป่วยในที่มาใช้บริการ (IPD Utilization rate) พุ่งสูงขึ้นเป็น 70% จากไตรมาส 3/2563 ที่ 40% เป็นผลจากไวรัส RSV ที่ระบาดหนักในเด็กเล็ก แม้ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร จะยังดูน่าเป็นห่วง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อเริ่มลดลง รวมถึงประชาชนในพื้นที่มีความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยในการเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญเหมือนในช่วงไตรมาส2/2563
ขณะที่สถานการณ์ IVF ทยอยปรับตัวดีขึ้น โดยปัจจุบันเริ่มมีผู้ใช้บริการคนไทยประมาณ 3-4 เคสและคนจีนราว 10 เคส ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงไตรมาส 2-3/2563 ที่ไม่มีผู้เข้าใช้บริการเลย
ฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับกำไรสุทธิปี 2563 เพิ่มขึ้น 50% เป็น 52 ล้านบาท และปรับกำไรสุทธิปี 2564 ขึ้น 4% เป็น 96 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจาก 1. ปรับ Gross Profit Margin ปี 2563 ขึ้น 200 bps เป็น 27% จากเดิมที่ 25% และปี 2564 ขึ้น 300 bps เป็น 33% จากเดิม 30% ปัจจุบัน IPD Utilization rate ไตรมาส4/63 ฟื้นตัวดีกว่าที่ที่ฝ่ายวิจัยคาดเป็น 70% (ไตรมาส3/2563=40%,ไตรมาส2/2563=30%) โดยได้อานิสงส์จากการระบาดของ RSV ในเด็กเล็ก รวมถึงมีรายได้จากการตรวจคัดกรองโควิด-19 โดยตั้งสมมติฐานว่าจะมีผู้เข้ารับการตรวจคัดกรอง 500 เคส/ต่อวัน เป็นเวลา 11 วัน ขณะที่ปี 2564 ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองการฟื้นตัวของผู้ป่วยต่างชาติจะเริ่มทยอยดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2564 ,และ 2.ปรับลด SG&A ปี 2563 ลง 23% เป็น 142 ล้านบาท จากเดิมที่ 185 ล้านบาท
บล.เคทีบีเอสที แนะนำ ซื้อ และให้ราคาเป้าหมายที่ 6 บาท อิงวิธี DCF (WACC=9%,TG=3%)จากผลประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความเสี่ยงจากการกลับมาระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งพื้นที่ระบาดหนักอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร ทำให้คาดว่าลูกค้า IVF จะยังคงชะลอการเข้ามาใช้บริการ