SA หุ้นแกร่ง กำไรสวย สวนทางเศรษฐกิจทรุด

HoonSmart.com>>SA หุ้นแข็งแกร่ง กำไรเติบโตสูง เฉลี่ย 22 % ในอีก 3 ปีข้างหน้า  จากการรับรู้งานในมือสบาย ๆ เฉียด 1 หมื่นล้านบาท

ตลาดหุ้นไทย ช่วงส่งท้ายปี 2563  แม้ว่าดัชนีจะขยับไปไม่ได้ไกล แต่มูลค่าซื้อขายยังหนาแน่น สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนยังให้ความสนใจซื้อขายหุ้นอย่างต่อเนื่อง  ขณะที่ผลตอบแทนจากการลงทุนในปีนี้ โดยรวมยังคงติดลบอยู่ประมาณ 6%

สำหรับหุ้นสามัญที่เสนอขายประชาชนทั่วไป (IPO)  เป็นหุ้นที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเสมอ เนื่องจากที่ผ่านมา สามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง

หุ้นบริษัท ไซมิส แอสเสท  ( SA )  เป็นหุ้น IPO ตัวสุดท้ายส่งท้ายปี 2563 เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 25 ธ.ค. นี้  หลังจากที่เสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 13.5% ราคาหุ้นละ 5.50 บาท

สำหรับหุ้น SA เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจลงทุน และน่าจะปลอดภัยช่วงภาวะเศรษฐกิจในประเทศ ยังไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัวได้ง่าย จากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2563และต่อเนื่องไปถึงต้นปี 2564

จุดเด่นของ SA  คือ เป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่อขายเน้นสินค้าประเภทคอนโดฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้แนวคิด Asset of Life  หรือการ “สร้างกำไรให้กับทุกการใช้ชีวิต” โดยมีจุดต่างจากบริษัทอื่น ด้วยการนำบริการระดับโรงแรม (Branded Residence) ภายใต้แบรนด์ชั้นนำ Wyndhamและ Ramada มาอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองลูกค้านักลงทุน ขณะเดียวกัน ก็มีการขยายโครงการสู่รูปแบบ Mixed Use โดยเพิ่มธุรกิจอสังหาฯ เพื่อบริการแบบโรงแรม ที่สามารถนำห้องชุดมาปล่อยเช่า สร้างรายได้ค่าเช่า รวมถึงหาโอกาสสร้างกำไรผ่านการขายให้กับนักลงทุน และกอง REIT ซึ่งเป็นเป้าหมายในอนาคต

จากความสำเร็จการพัฒนาคอนโดฯ บนทำเลที่มีศักยภาพ ในราคาที่จับต้องได้ ทำให้ SA มีการเติบโตต่อเนื่อง ด้วยจำนวนโครงการที่อยู่ภายใต้การพัฒนาปัจจุบัน มี 11 โครงการ  มูลค่าเพื่อจำหน่าย 3.46 หมื่นล้านบาท และสิ้นเดือนก.ย. 2563 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 9.44 พันล้านบาท รองรับรายได้จนถึงปี 2566

ปัจจัยที่สนับสนุนความสนใจของหุ้น SA อย่างมีนัยสำคัญ คือ บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรระดับสูง จากผลการดำเนินงานช่วง 3 ที่ผ่านมา เติบโตได้ดีต่อเนื่อง ยอดขายขยายตัวราว 44% ต่อปี แต่กำไรเติบโตเฉลี่ย 143% ต่อปี นับตั้งแต่ปี 2560-2562 ขณะที่ความสามารถในการทำอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับที่ดีมาก จาก 29% ในปี 2560 เพิ่มขึ้นมาเป็น 41.7% ในปี 2562  และล่าสุด 9 เดือนปี 2563 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 44% จากการเติบโตของการการขายอสังหาฯ และความสามารถในการลดต้นทุน

ณ สิ้นปี 2562 มีอัตรากำไรสุทธิระดับ 17.5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยรวมของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ณ สิ้นปี 62 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.72 %

ขณะที่โบรกเกอร์ มีการประเมินว่า กำไรสุทธิของ SA  จากนี้ไป จะเติบโตเฉลี่ย 22 % ต่อปี ในอีก 3 ปีข้างหน้า  เนื่องจาก มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้มากกว่า 9 พันล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและโอนกรรมสิทธิ์

รวมทั้ง อัตราส่วนหนี้สินมีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนที่ 2.1 เท่า ซึ่งคาดว่า อัตราส่วนดังกล่าวจะลดลงมาเหลือประมาณ 1 เท่าเศษ หลังการกระจายหุ้นไอพีโอ ซึ่งเป็นระดับที่คาดว่า จะเอื้อต่อการจัดหาเงินทุนจากการกู้ยืมด้วยต้นทุนที่ต่ำลง เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

แม้ SA มีแผนลงทุนโครงการใหม่ต่อเนื่อง แต่ด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่งขึ้น จะทำให้มีความสามารถในการจ่ายปันผล หากสมมติให้ SA จ่ายปันผลในอัตรา 40% ซึ่งเป็นอัตราปันผลตามนโยบาย จะให้อัตราผลตอบแทนราว 2.8% สำหรับผลประกอบการปี 2563 และเพิ่มเป็น 4.9% สำหรับผลประกอบการปี 2564

นอกจากนี้ การที่ ” ขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA กล่าวว่า การที่บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนใน SET เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และขยายขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรในอนาคต ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างรายได้ประจำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อก้าวเป็น 1 ใน 5 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ผู้บริโภคนึกถึง (Customer choice)

” บริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ หรืออยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 12 โครงการ และมีโครงการในอนาคตอีก 2 โครงการ ที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1/2564 โดยมีสินทรัพย์รอการรับรู้รายได้ในมือทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2564 คาดว่า จะมีโครงการใหม่เพิ่มอีก 2 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียม และโครงการ Mixed Use  สนับสนุนมูลค่าโครงการ ตั้งแต่ก่อตั้ง รวมแตะ 51,976 ล้านบาท ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวในที่สุด

จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่า SA เป็นหุ้นอสังหาฯ ที่มีความโดดเด่นทั้งฐานะการเงิน และการดำเนินธุรกิจ ที่มีการกระจายแหล่งรายได้ได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ก็น่าจะมีคุณสมบัติเป็นหุ้นแกร่ง กำไรสวย และสามารถถือลงทุนไว้เพื่อหลบภัย ในภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้เป็นอย่างดี