ดาวโจนส์ปิดร่วง 200 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจไม่สดใส

HoonSmart.com>> ดาวโจนส์ปิดร่วง 200 จุด ข้อมูลเศรษฐกิจไม่สดใส กังวลโควิดสายพันธุ์ใหม่ ด้านตลาดหุ้นยุโรปสวนทางปิดบวก นักลงทุนมองบวกการเจรจาการค้าระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรป ราคาน้ำมันดิบร่วง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) ปิดตลาดวันที่ 22 ธันวาคม 2563 ที่ 30,015.51 จุด ลดลง 200.94 จุด หรือ -0.67% นักลงทุนวิตกจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ที่ยังเพิ่มขึ้นในหลายมลรัฐและในยุโรป แม้มีการเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว และสภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบไวรัส

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,687.26 จุด ลดลง 7.66 จุด, -0.21%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,807.92 จุด เพิ่มขึ้น 65.40 จุด, +0.51%

ดัชนี S&P 500 ลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่สาม แต่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติใหม่จากการเพิ่มขึ้นของหุ้นแอปเปิล เพราะนักลงทุนขานรับการผลิตรถยนต์ไร้คนขับในปี 2024 หุ้นแอปเปิลเพิ่มขึ้น 2.85%

ตลาดอยู่ภายใต้แรงกดดันตลอดทั้งวัน จากความไม่แน่นอนของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ในอังกฤษ และในภูมิภาคอื่นของโลกประเทศ แม้ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ระบุว่าวัคซีนที่ผลิตมายังคงมีประสิทธิภาพกับไวรัสที่กลายพันธ์ แต่ทำให้นักลงทุนกังวลต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในปี 2021 เพราะการระบาดรอบสามที่จำกัดการเคลื่อนไหว จะมีผลต่อการจ้างงานและความต้องการ

ความกังวลต่อการระบาดของสหรัฐกลบข่าวดีการผ่านกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 900 พันล้านดอลลลาร์ และร่างงบประมาณวงเงิน1.4 ล้านล้านดอลลาร์ของสภาคองเกรสซึ่งจะทำให้รัฐบาลมีเงินใช้จ่ายไปจนถึงเดือนกันยายน 2021 โดยคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามเพื่อให้มีผลเป็นกฎหมาย แต่นักวิเคราะห์ประเมินว่า มาตรการ 900 พันล้านดอลลลาร์อาจจะไม่เพียงพอต่อการเยียวยาผลกระทบจากการระบาดรอบใหม่

กระทรวงพาณิชย์เผยประมาณการครั้งที่ 3 ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2563 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย ว่า ขยายตัว 33.4% นับเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2490 และดีกว่า 33.1% ที่นักวิเคราะห์คาด และนักวิเคราะห์ระบุว่า ตัวเลขล่าสุดยังไม่สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตลาดจึงจับตา GDP ไตรมาสสี่ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 3.5%

แต่ข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่สดใสเป็นแรงกดดันตลาด โดย Conference Board สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ เผย ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนธันวาคมลดลงมาที่ระดับ 88.6 จากระดับ 92.9 ในเดือนพฤศจิกายน และต่ำกว่า 97.0 ที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เผย ยอดขายบ้านมือสองเดือนพฤศจิกายน ลดลง 2.5% มาที่ระดับ 6.69 ล้านยูนิตจาก 6.85 ล้านยูนิตในเดือนตุลาคม

หุ้นกลุ่มสายการบินลดลง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ลดลง 2.46% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 3.85% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ลดลง 2.99% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ลดลง 1.05%

หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มโรงแรมปรับตัวลงหลังจากหลายประเทศได้ออกมาตรการห้ามการเดินทางเข้าจากอังกฤษ โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ลดลง 5.94% หุ้นนอร์วีเจียน ครูซ ไลน์ ลดลง 6.86% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ลดลง 2.83% หุ้นไฮแอท โฮเทลส์ คอร์ปอเรชั่น ลดลง 1.42% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ลดลง 0.83% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ลดลง 1.06%

หุ้นเฟซบุ๊กลดลง 2.09% หุ้นอัลฟาเบท บริษัทแม่ของกูเกิล ลดลง 0.91% หลังจากตัดสินใจสู้ข้อกล่าวหาผูกขาดทางการค้า

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มธนาคารที่เพิ่มขึ้น 1.8% กลุ่มเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น 2.5%จากแรงซื้อกลับในราคาที่ลดลงในวันก่อนหน้า แม้ยังวิตกต่อการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธ์ของ ในอังกฤษ นักลงทุนมีมุมมองทางบวกต่อการเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) และการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก

หุ้นบาร์เคลย์และหุ้นลอยด์ ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 3%

ในอังกฤษ GDP ไตรมาสสามขยายตัว 16% สูงเป็นประวัติการณ์ จากที่ติดลบ 18.8% ในไตรมาสสอง

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 391.25 จุด เพิ่มขึ้น 4.56 จุด, +1.18%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,453.16 จุด เพิ่มขึ้น 36.84 จุด, +0.57%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,466.86 จุด เพิ่มขึ้น 73.52 จุด, +1.36%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,418.11 จุด เพิ่มขึ้น 171.81 จุด, +1.30%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 95 เซนต์ ปิดที่ 47.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ลดลง 83 เซนต์ปิดที่ 50.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อ่านข่าว

ราคาน้ำมันดิบลงต่อกังวลโควิดกลายพันธุ์