HoonSmart.com>> “อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์” ออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาท อายุ 1 ปี 9 เดือนและ 3 ปี ชูดอกเบี้ย 3.90% และ 4.50% ต่อปี เปิดขายผู้ลงทุนทั่วไป 12-14 ม.ค.2564 อันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ระดับ BBB นำเงินชำระหุ้นกู้ครบกำหนดเดือนเม.ย.-ต.ค.64 พร้อมคาดการณ์ไตรมาส 4/63 กวาดยอดโอนสูงสุดของปี
ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้า เปิดเผยว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างยื่นข้อมูลขอเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป จำนวน 2 รุ่น ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยเป็นหุ้นกู้ อายุ 1 ปี 9 เดือน และอายุ 3 ปี ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.90% ต่อปี และ 4.50% ต่อปี ตามลำดับ กำหนดจ่ายผลตอบแทนทุก 3 เดือน จำนวนไม่เกิน 1,500 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติมอีกจำนวนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 2,500 ล้านบาท หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับBBB
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แต่งตั้งสถาบันการเงิน5แห่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย ซีมิโก้ และบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส โดยคาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 12- 14 ม.ค.2564
“การออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในช่วงเดือนเม.ย.และต.ค.2564 โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอ และได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี สะท้อนให้เห็นถึงผู้ลงทุนมั่นใจในการเติบโตและโอกาสในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดกับแนวรถไฟฟ้าที่มีโอกาสในการเติบโตสูงและยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ทำให้เรามั่นใจว่า การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนเหมือนกับที่ผ่านมาอย่างแน่นอน ดร. ชัยยุทธกล่าว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปี 2563 จะเป็นปีแห่งความท้าทาย เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนหลายด้าน อย่างไรก็ดี การลงทุนในหุ้นกู้ฯ ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนที่แสวงหาการลงทุนในตราสารที่มีระยะเวลาลงทุนที่แน่นอน และกำหนดจ่ายผลตอบแทนสม่ำเสมอในระดับที่น่าพอใจ ภายใต้ความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนยอมรับได้
“ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยคาดการณ์ไตรมาสที่ 4/2563 จะมียอดโอนสูงสุดของปีซึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ของโครงการร่วมทุนใหม่ถึง 5 โครงการ และณ 30 ก.ย.2563 บริษัทฯ ยังคงรักษาเงินสดในกลุ่มรวมโครงการร่วมทุนกว่า 10,000 ล้านบาท และยังคงรักษาวินัยทางการเงินอย่างเข้มงวด โดยสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ระดับต่ำที่ประมาณ 1.1 เท่า”ดร.ชัยยุทธ กล่าว