ALT รุกธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคม

HoonSmart.com>>”เอแอลที”  ส่งบริษัทลูก IGC  รุกธุรกิจติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคม  เตรียมส่งมอบงานให้ รฟท. 445 สถานี พร้อมลุยเจาะลูกค้ากลุ่มรัฐวิสาหกิจ

สุพัฒน์ เอี่ยมวิวัฒน์

นายสุพัฒน์ เอี่ยมวิวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารระบบโครงข่าย บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เกทเวย์ จำกัด (IGC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของบริษัท เอแอลที เทเลคอม (ALT)  เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคมตามสถานีรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เสร็จสิ้นตามสัญญา 445 สถานี และอาคารควบคุมการเดินรถ CTC รวมทั้งอาคารฝ่ายการอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม

ปัจจุบันอยู่ระหว่างการส่งมอบอุปกรณ์เครือข่ายตามสัญญา และทำการทดสอบระบบการเชื่อมโยงเครือข่ายทุกสถานี ตามส่วนภูมิภาคให้เข้ากับส่วนกลางของการรถไฟแห่งประเทศไทย

สำหรับอุปกรณ์เครือข่ายในโครงการ ประกอบไปด้วย อุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Switch), ระบบสื่อสัญญาณทางแสงแบบหลายช่องทาง (Dense Wavelength Division Multiplexing: DWDM), ระบบบริหารจัดการ(Network Management System: NMS), เครือข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนาแสง (Optical Fiber Cable Network) และตู้พร้อมอุปกรณ์

ทั้งนี้ IGC ในนามตัวแทนกลุ่มกิจการร่วมค้าไอเอสไอ (ISI Consortium) ชนะการประกวดราคาทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในโครงการจ้างเหมาจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งได้ลงนามในสัญญาจ้างโครงการดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563

โครงการติดตั้งอุปกรณ์เครือข่ายดังกล่าว ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานระบบสื่อสารโทรคมนาคมของรฟท. ตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2564 (ระยะเวลา 5 ปี) ว่าด้วยการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานหลักให้เป็นรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้บริการในรูปแบบดิจิทัลในอนาคต  เช่น โครงการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อการสนับสนุนการปฏิบัติงานของกลุ่มธุรกิจเดินรถ และโครงการพัฒนาระบบการจัดการตั๋วโดยสารและสำรองที่นั่ง

“ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัท เป็นหน่วยงานที่ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม เช่น กสท. โทรคมนาคม  ทีโอที  และ หน่วยงานให้บริการสาธารณะ ที่มีความต้องการเครือข่ายสื่อสาร เพื่อใช้ในการจัดการ และการให้บริการ ซึ่งถือเป็นแนวโน้มในอนาคตที่ภาคธุรกิจ ทั้งเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานไปสู่รูปแบบดิจิทัลมากขึ้น” นายสุพัฒน์กล่าว