โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP นักวางแผนการเงิน
ช่วงนี้สิ่งหนึ่งที่เจอบ่อยมากกก ก็คือ ไปบรรยายที่ไหนก็ตาม ผู้ฟังบรรยายส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้หญิง และที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ single mum หรือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เยอะมากขึ้น และที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้นก็คือ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวเหล่านั้นกลับเป็นคนที่ขอแยกทางเองด้วยซ้ำ ทำให้นึกถึงรายงานวิจัยที่เคยอ่านเจอครั้งหนึ่งที่บอกว่า สาเหตุการหย่าร้างของคนไทย เรียงจากมากสุดไปน้อยสุด ดังนี้
• อันดับ 1 คือปัญหาเศรษฐกิจ
• อันดับ 2 คือ ผู้หญิงมีความสามารถที่สูงขึ้น สามารถอยู่ได้ด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชายเหมือนอดีต
• อันดับ คือ ปัญหาบุคคลที่สาม
เมื่อตัวเลขเป็นอย่างนี้ เลยสงสัยประโยคที่ว่า “เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก” ยังจริงอยู่มั๊ย เพราะถ้าผู้หญิงหย่า เพราะมีความสามารถมากกว่าผู้ชาย หรือพูดง่ายๆก็คือ อยู่คนเดียวดีกว่า แสดงว่าคนที่ลำบากน่าจะเป็นผู้ชายที่ถูกเลิกมากกว่า
และถ้าผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และยังเก่งอีก งั้น “ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ใครครองเมือง?” เรามาดูข้อมูลรายงานวิจัยของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่ทำเมื่อปี 2555 คงให้คำตอบเรื่องนี้กับเราได้พอประมาณ ครับ
• ปัจจุบันอัตราการเกิดลดลงเหลือ 1.6 ส่วนผู้สูงอายุมีอัตราเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 20% กว่า
• อายุเฉลี่ยชายไทย 65 ปี เพราะชายไทยกินเหล้า สูบบุหรี่ ส่วนหญิงไทยมีอายุเฉลี่ย 80 ปี เพราะรักษาสุขภาพ
• เด็กที่หลุดจากระบบส่วนใหญ่จะเป็นเด็กชาย พบว่าเมื่อถึงชั้นมัธยมเด็กนักเรียนชายจะเหลือเพียง 35-40% เท่านั้น ขณะที่เด็กนักเรียนหญิงจะมีการศึกษาสูงขึ้น
• หญิงไทยที่มีการศึกษาสูง นิยมแต่งงานกับผู้ที่มีการศึกษาสูงกว่า เมื่อชายไทยมีอัตราการศึกษาน้อยกว่า จึงมีแนวโน้มที่หญิงไทยจะเป็นโสดมากขึ้น
• ชายไทยเมื่อมีการศึกษาน้อยลง พบว่าความสามารถในการสร้างงาน หรือเพิ่มรายได้ก็จะต่ำ
• ทัศนคติต่อการทำงานนั้นพบว่า ฝ่ายหญิงจะมุ่งมั่นศึกษาเล่าเรียนเพื่อประกอบอาชีพแพทย์ วิศวกร พยาบาล ขณะที่ทัศนคติของชายจะมุ่งทำงานที่สบาย หรือขับรถตุ๊กตุ๊ก
จากสถานการณ์ดังกล่าว สถาบันวิจัยประชากรศาสตร์แห่งสหประชาชาติ จึงคาดการณ์ว่า ผู้ควบคุมกำลังการผลิตของประเทศมากกว่า 50% ในประเทศไทยจะเป็นฝ่ายหญิง
แต่ถึงผู้หญิงจะมีอำนาจทางการเงินสูงกว่าผู้ชาย แต่ก็มีความเสี่ยงที่ไม่น้อยกว่าผู้ชายครับ สิ่งที่น่ากังวลสำหรับผู้หญิง คือ แนวโน้มการเป็นโสด และการมีอายุที่ยืนยาวกว่าผู้ชายนั่นแหละครับ จากผลการสำรวจของ U.S. Census Bureau, International Data Base ผ่านการวิเคราะห์โดยบริษัท MeetNLunch บริษัทจัดหาคู่มืออาชีพ ถึงการคาดการณ์ด้านจำนวนประชากรในอีก 10 ปีข้างหน้า พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ในปี 2563 ประเทศไทยจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 ล้านคน โดยเฉพาะ “ผู้หญิงตัว คนเดียว” จะมีเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านคน ในจำนวนนี้รวมถึงผู้หญิงที่เป็นม่าย และผ่านการหย่าร้าง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ผู้ชายมีแนวโน้มเสียชีวิตเร็วกว่า และมีแนวโน้มแต่งงานใหม่มากกว่าผู้หญิง จึงทำให้มีผู้ชายที่ผ่านการหย่าร้างและพ่อม่ายน้อยกว่า แถมวิถีชีวิตคนไทยในอีก 10 ปีข้างหน้าจะมีแนวโน้มแต่งงานช้าลง 45% และมีสถิติการหย่าเพิ่มขึ้น
เมื่อมองแนวโน้มที่ผู้หญิงจะอยู่คนเดียวและอายุยืนกว่าผู้ชายดังกล่าวแล้ว ผู้หญิงจึงเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงทางการเงินสูงกว่าผู้ชาย แต่พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยของผู้หญิงนั้น กลับใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล อีกทั้งยังเป็นผู้ซื้อที่มี lifetime value มากกว่าผู้ชาย คือ ซื้อซ้ำ ซื้อเพิ่ม และที่สำคัญยังบอกต่อและแนะนำให้ผู้อื่นซื้อมากกว่าผู้ชาย
ในประเทศไทยยังไม่พบรายงานวิจัยเรื่องนี้ แต่ Journal of Financial Planning ได้รายงานการศึกษานิสัยการจับจ่ายของชาวไอโอวา พบว่าผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่ต้องการประมาณ 36% ในขณะที่ผู้ชายนั้นมีเพียง 18% เท่านั้นที่จ่ายเงินโดยไม่คิด และผู้หญิง 24% จะซื้อของเพราะว่ามีป้ายเขียนคำว่า “ลดราคา” และจะซื้อเพื่อการเฉลิมฉลองถึง 31% ในขณะที่มีผู้หญิง 49% ที่จะออมเงิน ส่วนผู้ชายมีมากกว่าถึง 60%
นอกจากนั้น ในการศึกษาครั้งนี้ยังพบด้วยว่าผู้หญิงที่อยู่ช่วงอายุระหว่าง 20-30 ปีนั้น มีพฤติกรรมการซื้อที่จัดว่าอยู่ช่วงอันตราย โดยผู้หญิงส่วนมากจะใช้จ่ายไปกับเสื้อผ้า รถ และการตกแต่งบ้าน
ไม่รู้ ผู้หญิงไทยเป็นอย่างนี้รึเปล่า คงต้องถามตนเองกันนะครับ หากเป็นเค้าลางแห่งความยากลำบากกำลังมาหาแล้วครับ เพราะหากผู้หญิงแม้จะหาเงินเก่ง แต่หากยังใช้เงินอย่างไม่ระมัดระวัง เงินที่หามาก็ไม่เหลือให้ออมสำหรับสิ่งที่จำเป็นในอนาคต โดยเฉพาะชีวิตหลังเกษียณ
ผมเคยได้ฟังผู้รู้ด้านเกษียณอายุท่านหนึ่งบอกว่า “อีก 20 ปีข้างหน้า อายุหลังเกษียณของหญิงไทย จะอยู่ที่ประมาณ 50 – 60 ปี” หากจริง หมายความว่า ผู้หญิงไทยจะมีอายุยืนถึง 110 – 120 ปีเลยทีเดียว ลองคิดดูสิครับ ระยะเวลานานขนาดนั้น ต้องมีเงินเก็บมากเท่าไหร่ตอนเกษียณที่อายุ 60 ปีถึงจะพอใช้
เริ่มคิดกันได้แล้วนะครับ เริ่มง่ายๆ เริ่มจากประหยัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นก่อนเลย วิธีเริ่มต้นที่ทำง่ายๆ คือ ทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่วนตัวแบบรายวัน ครับ หากไม่รู้จะเริ่มยังไง ผมแนะนำไปหาใน App Store ใน Smart phone มีมากครับ อย่างผมเอง ผมใช้ Spending ครับ ก็ OK ดี