NER โกยรายได้ 22,000 ลบ. ปี 64 โต 30% ออเดอร์ลูกค้าเก่า-ใหม่ทะลัก

HoonSmart.com>>”นอร์ทอีส รับเบอร์ ” ตั้งเป้าปี 64 รายได้รวม 22,000 ล้านบาท ความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง กำลังการผลิตโรงงานเดินเครื่องเต็มประสิทธิภาพ เตรียมจำหน่ายแผ่นรองพื้นในคอกของปศุสัตว์ในไตรมาส 3 หนุนอัตรากำไรขั้นต้นสูง ส่วนปีนี้รายได้ตามแผน 17,000 ล้านบาท

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยถึงแผนงานในปี 2564 ว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ 22,000 ล้านบาท ความต้องการใช้ยางในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการผลิตถุงมือยาง และหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายก็จะทำให้การเดินทางมากขึ้น ยังส่งผลดีต่อความต้องการใช้ยางรถยนต์เพิ่มมากขึ้น ส่วนปริมาณการขายคาดว่าจะสามารถทำยอดขายยางพาราอยู่ที่ 410,000 ตัน จากกำลังการผลิตทั้งหมด 465,000 ตัน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยจะสูงกว่าปี 2563 ค่อนข้างมาก เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อของผู้ซื้อยาง

สำหรับยอดขายในปี 2564 บริษัทตั้งนโยบายการจำหน่ายสินค้าในประเทศและต่างประเทศสัดส่วน 50:50 ซึ่งเหมาะสมของลูกค้าในประเทศที่มีการเพิ่มกำลังการผลิตจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีนย้ายมาตั้งโรงงานอยู่ที่ประเทศไทยมากขึ้น และลูกค้าต่างประเทศที่มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่ แต่ปริมาณของผู้ส่งออกยางธรรมชาติในประเทศไทยมีปริมาณลดลง

ด้านลูกค้ารายใหม่ บริษัทได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับบริษัท Halcyon Agri Corporation Limited (Singapore) ซึ่งเป็นบริษัท Trader ที่มีความเข้มแข็งทั้ง supply chain และกระจายสินค้าไปทั่วโลกที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ นอกจากนี้บริษัทได้เริ่มส่งผลทดสอบและตัวอย่างของยางแท่ง STR20 ไปยังลูกค้าจำนวน 3 รายได้แก่ Continental, Hankok, และ Bridgestone เพื่อการตรวจสอบคุณสมบัติยางเบื้องต้นก่อนที่จะเข้ามาตรวจมาตรฐานการผลิตในโรงงาน  จากสถานการณ์โควิด  ทำให้การเดินทางเพื่อเข้ามา QA ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ปัจจุบันบริษัทมีการวางแผนขายทำสัญญาขายระยะยาวและขายล่วงหน้าอยู่ในสัดส่วน 50:50

ในปี 2564 บริษัทยังมีแผนการลงทุนเครื่องจักรแผ่นรองพื้นในคอกของปศุสัตว์ ที่ได้มีการพัฒนาสูตรร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) ประมาณ 240 ล้านบาท โดยจะติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 และเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาส 3 ทำให้ปี 2564 จะมีรายได้จากส่วนนี้เข้ามาเสริม ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูง ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจดสิทธิบัตรด้านรูปลักษณ์ ส่วนในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และมีความต้องการจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับผลประกอบการในปี 2563 บริษัทคาดว่ารายได้จะสามารถเติบโตตามเป้าที่วางไว้ที่ 17,000 ล้านบาท จากโรงงานเดิมและโรงงานแห่งใหม่ สามารถผลิตได้เป็นไปตามแผน อีกทั้งยังมีคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ในประเทศเพิ่มขึ้น ปัจจุบันกำลังการผลิตเกือบเต็ม 100 % แล้ว นอกจากนี้บริษัทยังจะสามารถรักษาอัตรากำไรได้ดีจากการป้องกันความเสี่ยงของราคายางที่ผันผวนด้วยวิธี matching order คือ เมื่อมีคำสั่งซื้อจะสต็อกยางไว้ส่งมอบด้วยราคาที่ตกลงกันในเวลานั้น ไม่ได้เป็นการรับคำสั่งซื้อมาก่อนแล้วค่อยหาสินค้ามาส่งมอบภายหลังซึ่งราคาอาจจะไม่เท่าเดิม

ส่วนผลงานในช่วง 9 เดือนปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 437ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22 ล้านบาท คิดเป็น 5.03% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 414 ล้านบาท