HoonSmart.com>>ปตท.สผ.เปิดแผนรายจ่ายปี 64 จำนวน 4,196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 132,174 ล้านบาท ส่วนแผน 5 ปี (64-68) รวม 23,637 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 734,845 ล้านบาท ตั้งเป้าปริมาณการขายปิโตรเลียมเติบโตเฉลี่ย 6% ยังคงรักษากำลังการผลิตจากโครงการหลัก เร่งพัฒนาโครงการสำคัญ เดินหน้าสำรวจเพื่อการเติบโตในระยะยาว แสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เปิดเผยว่า ปตท.สผ. ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ไว้ที่ 4,196 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบเท่า132,174 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายลงทุน (CAPEX) จำนวน 2,588 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 81,522 ล้านบาท และรายจ่ายดำเนินงาน (OPEX) จำนวน 1,608 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 50,652 ล้านบาท
บริษัทตั้งงบรายจ่าย เพื่อรองรับแผนงานหลัก เช่น 1.รักษาปริมาณการผลิตจากโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเอส1โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ โครงการในประเทศมาเลเซีย และโครงการซอติก้าในประเทศเมียนมา รวมถึงเตรียมความพร้อมสำหรับการดำเนินการโครงการจี1/61(แหล่งเอราวัณ) และโครงการจี2/61(แหล่งบงกช) โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน1,943 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 61,204ล้านบาท
นอกจากนี้ยังเพิ่มปริมาณการผลิตในอนาคต มุ่งเน้นและผลักดันโครงการหลักที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา ได้แก่ โครงการโมซัมบิก แอเรีย วัน และโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ให้สามารถเริ่มการผลิตได้ตามแผน และเร่งการพัฒนาโครงการมาเลเซีย ซาราวัก เอสเค410บี ซึ่งประสบความสำเร็จในการเจาะสำรวจเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยจัดสรรงบรายจ่ายลงทุนในส่วนนี้ จำนวนเงิน 493 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 15,530 ล้านบาท และเร่ง สำรวจเพื่อค้นหาทรัพยากร รองรับการเติบโตในระยะยาว โดยได้จัดสรรรายจ่ายลงทุน จำนวน 152 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 4,788 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศมาเลเซีย และประเทศเม็กซิโก
สำหรับแผนการลงทุน 5 ปี (2564-2568) บริษัทได้จัดสรรงบประมาณรวม 23,637 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 734,845 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเพิ่มอัตราการเติบโตของปริมาณการขายโดยเฉลี่ยต่อปีแบบทบต้น ในช่วง 5 ปี ที่ประมาณ 6%
“ปี 2564 ยังคงเป็นปีที่ท้าทายสำหรับธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความต้องการใช้พลังงานและราคาน้ำมัน ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ได้ปรับตัวทั้งโครงสร้างองค์กรและการดำเนินงาน โดยเฉพาะการลดต้นทุนโดยรวม เพื่อให้บริษัทมีความแข็งแกร่งพร้อมรับกับความผันผวน”นายพงศธรกล่าว
ในปีนี้บริษัทได้ทบทวนแผนการลงทุน 5 ปีภายใต้กลยุทธ์ Execute and Expand ซึ่งจะส่งผลให้มีการผลิตที่สามารถตอบสนองความต้องการพลังงานของประเทศและยังเติบโตได้ และด้วยโครงสร้างการเงินที่แข็งแกร่ง ประกอบกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานในแต่ละปี จะสามารถรองรับแผนการลงทุนดังกล่าว รวมทั้ง โอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแม้ในสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ
นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการดำเนินธุรกิจที่เปลี่ยนไป โดยศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ เช่น โครงการ Gas to Power ในประเทศเมียนมา เพื่อต่อยอดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่บริษัทมีการดำเนินการอยู่แล้ว, การขยายธุรกิจของบริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส (เออาร์วี) รวมทั้ง การแสวงหาโอกาสการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย