HoonSmart.com>> “ศักดิ์สยามลิสซิ่ง” ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย ปลื้มนักลงทุนแห่จองหุ้น IPO 546 ล้านหุ้น ผลตอบรับดีเยี่ยม สะท้อนความเชื่อมั่นก้าวสู่ผู้นำให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ ชูแผนธุรกิจโดดเด่นเป้าเติบโตเท่าตัวในทุกมิติภายในปี 66 ขยายพอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท พร้อมลงทุนเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน รับแนวโน้มความต้องการสินเชื่อรายย่อยที่เพิ่มขึ้น มั่นใจกระแสตอบรับหุ้นเข้าเทรด 8 ธ.ค.นี้
นางสาวพันทิตา แซ่เอ็ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK เปิดเผยว่า ในช่วงเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ SAK ระหว่างวันที่ 26-27 และ 30 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา มีนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ SAK มีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งนักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนรายย่อยที่ดี สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อย และโอกาสการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้มั่นใจว่า SAK จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่ดีอย่างต่อเนื่องในวันที่เข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ซึ่งกำหนดในวันที่ 8 ธันวาคม 2563 หลังจาก SAK เสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 546 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นครั้งนี้ กำหนดราคา IPO หุ้นละ 3.70 บาท คิดเป็นอัตรา P/E ปัจจุบันประมาณ 15.4 เท่า (เทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจที่ใกล้เคียงกันที่ 20.1-26.0 เท่า) โดยมีผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 6 ราย ประกอบด้วย บล.บัวหลวง , บล.กสิกรไทย , บล.กรุงไทย ซิมิโก้ จำกัด, บล.ฟินันเซีย ไซรัส , บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด และบล.ฟิลิป (ประเทศไทย)
นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง (SAK) ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนหลังการเข้าซื้อขายในตลาดฯ ด้วยการดำเนินธุรกิจและแผนงานการเติบโตที่มีความชัดเจนของบริษัท ฯ
ทั้งนี้ SAK มีเป้าหมายสร้างการเติบโตในทุกมิติ โดยตั้งเป้าปี 2566 พอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท จากแผนการขยายสาขาและการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนธุรกิจช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและยกระดับการให้บริการปล่อยสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว โดยช่วยวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก การเสนอสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จัดทำสัญญา รับชำระหนี้ บริหารหนี้สูญ ได้แบบเรียลไทม์ ผ่าน Mobile Application และใช้เป็นเครื่องมือควบคุมความเสี่ยงเรื่องคุณภาพของสินเชื่ออีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ จะขยายสาขาเพิ่มเป็น 1,119 สาขา จากเดิมมี 519 สาขา (ณ วันที่ 30 กันยายน 2563) หรือเฉลี่ยปีละ 200 สาขา ด้วยโมเดลพื้นที่สาขาขนาดเล็กในจังหวัดเดิมและเพิ่มจังหวัดใหม่ๆ ที่ยังไม่มีสาขาของ SAK พร้อมบริหารจัดการแบบ Cluster ช่วยบริหารจัดการต้นทุนของ SAK ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการสินเชื่อของประชาชน
“วันนี้เราพร้อมรุกขยายธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกมิติ เพื่อผลักดันให้ SAK ก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำให้บริการสินเชื่อระดับชาติ จากฐานทุนที่แข็งแกร่ง และจากประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ รวมถึงทีมพนักงานที่มีความเข้าใจลูกค้า ทำให้ SAK เข้าไปช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนประกอบอาชีพได้ดียิ่งขึ้น และช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศไทย” นายศิวพงศ์ กล่าว