อนาคตของบริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD จะเป็นอย่างไร ภายหลังจากซื้อหุ้นบริษัทเงินทุน (บง.) ศรีสวัสดิ์ หรือ BFIT เพิ่มขึ้นเป็น 45% “ธิดา แก้วบุตตา” ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์พิเศษ www.HoonSmart.com ว่า กลุ่มศรีสวัสดิ์เริ่มซื้อหุ้น BFIT จำนวน 10% แรกมาตั้งแต่ไตรมาส 2/2559 และทยอยซื้อหุ้นเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างทางต้องปรับตัว ปรับแผนธุรกิจให้เข้ามาอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ชัดเจน ขณะนี้จัดโครงสร้างธุรกิจ และพัฒนาการให้บริการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในช่วงสั้นๆ คงเห็นพัฒนาการการเติบโตยังไม่ชัดเจน เชื่อว่าแนวโน้มระยะยาวมีโอกาสขยายตัวสูง จากชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของนักลงทุนและคู่ค้า เช่นผู้ให้เงินกู้แก่บริษัท รวมถึงการดำเนินงานที่มีความชัดเจน อยู่ภายใต้ กฎระเบียบ และบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์สามารถระดมเงินฝากจากประชาชนได้ ช่วยให้กลุ่มศรีสวัสดิ์เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
นอกจากนี้ บริษัทมีการปรับปรุงการให้บริการ สามารถจัดสรรสินเชื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ อาทิ สินเชื่อบุคคล เงินสดทันใจ หรือ นาโนไฟแนนซ์ ทะเบียนรถ หรือจำนำรถมอเตอร์ไซด์ พร้อมเน้นการพัฒนาสาขาให้มีความพร้อมดูแลลูกค้าใกล้ชิดยิ่งขึ้น
“เราลงทุน BFIT เพื่อหวังผลในระยะยาว ตอนนี้ธุรกิจก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้กฎระเบียบที่ชัดเจน“ธิดากล่าว
ธิดายกตัวอย่าง ข้อดีของการลงทุนใน BFIT ว่า ขณะนี้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทเพิ่มขึ้นเล็กน้อยไม่มากตามตลาด ดอกเบี้ยทรงตัวเฉลี่ย 3-4% ต่อปี สำหรับหุ้นกู้อายุ 2-4 ปี และในเร็วๆนี้ บริษัทเตรียออกหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงิน ประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท ส่วนบริษัทเงินทุนศรีสวัสดิ์ เพิ่งมีการจัดอันดับเครดิตครั้งแรก โดยบริษัททริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กร ที่ระดับ “BBB” ได้เท่ากับ SAWAD
ทางด้านการดำเนินงาน แม้ว่าในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)เพิ่มขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิเพียง 564 ล้านบาท ลดลง 311 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 35% จากที่มีกำไรสุทธิ 875 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน ในไตรมาส 2/2561 ผลประกอบการเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ เติบโตประมาณ 20-30% หลังจากลูกหนี้รายดังกล่าวได้ชำระหนี้แล้ว ทำให้ไม่มีเอ็นพีแอล แต่ไตรมาสนี้เป็นช่วงไลว์ซีซั่น มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ส่งผลให้การเติบโตไม่มากเหมือนไตรมาสอื่นๆ
“แนวโน้มระยะยาวของกลุ่มศรีสวัสดิ์ ธุรกิจไปได้สวย ความต้องการสินเชื่อยังมีอยู่มาก รายได้จากการบริหารหนี้ ก็มีโอกาสเติบโต ขณะนี้เริ่มซื้อหนี้จาก ธนาคารพาณิชย์มาบริหาร รวมถึงการขยายธุรกิจสินเชื่อไปประเทศเพื่อนบ้าน และ SAWAD ยังรับรู้กำไรจากการถือหุ้น BFIT เพิ่มเป็น 45% ตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไปด้วย”ธิดากล่าวทิ้งท้าย