HoonSmart.com>> บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินหุ้นไทยเดือนธ.ค.มีลุ้นทะลุ 1,500 จุด วัคซีนต้านโควิดหนุนฟันด์โฟลว์ไหลเข้า แนะ 5 หุ้นเด่น HANA, JWD, MTC, SYNEX, TVO ระยะสั้นมองกลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ แบงก์พักตัวระยะสั้น โยกเข้ากลุ่ม Laggard สื่อสาร ค้าปลีก อสังหาฯ รับเหมา อาหารเครื่องดื่ม สินค้าไอที
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำกลยุทธ์การลงทุน เดือนธ.ค.2563 คาดดัชนีหุ้นไทยยัง Sideways Up แต่ลดความร้อนแรง เน้น Laggard Play ประเมินการแกว่งตัวของ SET Index ในเดือน ธ.ค. ในกรอบ 1,390-1,500 จุด โดยลดความร้อนแรงหลังจากปรับตัวขึ้นราว 20% ในเดือน พ.ย.
อย่างไรก็ตาม Sentiment โดยรวมยังเป็นบวกจากธีม “Back to Normal” หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ นายโจ ไบเดนชนะตามคาดและสร้างความชัดเจนแก่ตลาด แม้นโยบายของไบเดนจะไม่สนับสนุนจีนเช่นเดียวกับทรัมป์ แต่ในแง่วิธีการคาดว่าจะเป็นสากลมากขึ้นและไม่แข็งกร้าวเหมือนในยุคทรัมป์ ทำให้บรรยากาศการค้าโลกคาดว่าจะผ่อนคลายมากขึ้นเป็นบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียรวมถึงไทยซึ่งเป็นเศรษฐกิจเปิด พึ่งพิงการส่งออกสูง
นอกจากนี้การครองเสียงข้างมากของสภาที่แบ่งกันคนละชั้น โดยเดโมแครตครองเสียงสภาผู้แทนฯ ส่วนวุฒิสภายังเป็นพรรครีพับลิกัน เป็นอีกหนึ่งประเด็นบวกโดยจะทำให้นโยบายสุดโต่งที่อาจกระทบต่อตลาดหุ้นของไบเดน เช่น การขึ้นภาษีนิติบุคคลซึ่งเป็นลบกับ EPS ของตลาดหุ้นจะเกิดขึ้นได้ยาก ทำให้เม็ดเงินไหลออกจากสินทรัพย์ปลอดภัยเข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยยังได้ปัจจัยหนุนจากผลการทดสอบวัคซีน COVID-19 ระยะที่ 3 ที่ออกมาในเชิงบวก ซึ่งเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทยอย่างมากเนื่องจากพึ่งพิงการท่องเที่ยวสูงทำให้ยังมีคาดหวังว่าการค้าโลกและการเดินทางระหว่างประเทศจะทยอยกลับสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 หนุนกระแสเงินทุนให้ไหลเข้า ส่วนประเทศไทยมีการเซ็นจองซื้อวัคซีนของ AstraZeneca แล้วเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมาและคาดว่าจะได้รับวัคซีนใช้งานในช่วงไตรมาส 2/64 แม้ล่าสุดจะมีการถูกวิจารณ์ผลการทดสอบ โดยจะมีการวิเคราะห์และทดลองเพิ่มเติม แต่ประเด็นบวกจากวัคซีนถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ส่งผลให้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าเกือบ 4 หมื่นล้านบาทในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาหลังจากขายสุทธิ 10 เดือนแรกปี 2563 สูงถึง 3 แสนล้านบาท
ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศโดยรวมยังยังเป็นปัจจัย Overhang ตลาด แม้ระยะสั้นจะมีแรงกดดันไม่มากเนื่องจากยังไม่มีเหตุการณ์รุนแรงอย่างน่ากังวล แต่เราประเมินสถานการณ์ชุมนุมจะยืดเยื้อและกินระยะเวลายาวนานไปถึงปีหน้า โดยคาดว่าจะมีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ โดยปัจจัยที่ต้องติดตามและเป็นความเสี่ยงคือการยกระดับการชุมนุม รวมถึงโอกาสในการทะปะของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝั่งรวมถึงภาครัฐ ซึ่งกรณีเลวร้ายหากเกิดเหตุการบานปลายอาจเห็นการยกระดับการควบคุมจากรัฐบาลเพิ่มเติม เช่น ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นต้น ซึ่งจะกดดันตลาดมากขึ้น ส่วนในสภาฯต้องจับตาคณะกรรมการสมานฉันท์ว่าจะประสบความสำเร็จมากน้องเพียงใด รวมถึงการแก้รัฐธรรมนูญ
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินว่าหุ้นที่ยัง Laggard รวมถึงหุ้นที่ปรับฐานในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาจะมีโอกาสกลับมา Outperform จากการเกิด Sector Rotation อย่างไรก็ตาม SET Index ปรับตัวขึ้นแรงและเร็วในเดือน พ.ย. ทำให้ระยะสั้นมองว่ากลุ่มที่นำตลาดอย่าง พลังงาน ปิโตรเคมี ธนาคาร มีโอกาสแกว่ง Sideways พักตัวระยะสั้น และคาดเกิด Sector Rotation เข้าหากลุ่มที่ยัง Laggard เช่น สื่อสารฯ ค้าปลีก อสังหาฯ รับเหมา รวมถึงหุ้นที่ Outperform ในช่วงก่อนหน้า และมีการพักฐานในช่วง 1-2 เดือนล่าสุด เช่นกลุ่ม อาหารเครื่องดื่ม ขายสินค้าไอที เป็นต้น ซึ่งคาดมีโอกาสกลับมา Outperform ในเดือนนี้
ส่วนจุดในการซื้อลงทุนระยะกลาง-ยาว แนะนำรอตลาดพักตัวลงบริเวณ 1,390-1,400 จุดในการทยอยสะสม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างทบทวน SET Target ปี 2564 จากปัจจุบันที่ 1,450 จุด โดยพิจารณาปัจจัยบวกจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้ามากขึ้น
สำหรับหุ้นแนะนำเดือน ธ.ค. ได้แก่ HANA, JWD, MTC, SYNEX, TVO โดยราคาเป้าหมายปี 2564 ของ HANA อยู่ที่ 46 บาท JWD ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 10 บาท MTC อยู่ที่ 70 บาท SYNEX อยู่ที่ 17 บาท TVO อยู่ที่ 39 บาท