SFT ยันปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นไม่กระทบ เร่งลงทุนรับออเดอร์ปี 64

HoonSmart.com>> ผู้บริหาร “ชริ้งเฟล็กซ์” ขายหุ้นบิ๊กล็อต 8 ล้านหุ้น สัดส่วน 1.82% ราคา 4.40 บาทต่อหุ้น ให้ ‘จุไรรัตน์ พงษ์สอน’ หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ย้ำไม่กระทบต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจ เดินหน้าลงทุนรับออเดอร์ปี 64

ซุง ชง ทอย

นายซุง ชง ทอย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชริ้งเฟล็กซ์ (ประเทศไทย) หรือ SFT หนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.2563 ได้ขายหุ้น Big Lot จำนวน 8 ล้านหุ้น ในราคา 4.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็น 1.82% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด ผ่านกระดานซื้อขายบิ๊กลอต ให้แก่ นางสาวจุไรรัตน์ พงษ์สอน ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่มครอบครัวปิยะตรึงส์ หนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SFT ที่ได้ร่วมกันสร้างความเข้มแข็งแก่ธุรกิจมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทฯ และสามารถนำพา SFT ก้าวสู่การเป็นสมาชิกบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ โดยหลังจากทำรายการซื้อขายหุ้นดังกล่าว กลุ่มครอบครัวทอยยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 45.46 % และกลุ่มครอบครัวปิยะตรึงส์จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 27.64%

การขายหุ้น Big Lot ครั้งนี้ เป็นการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SFT ด้วยกันเอง จึงไม่ได้กระทบต่อนโยบายและทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโต ตลอดจนแผนงานการลงทุนขยายกำลังการผลิตแผ่นฟิล์มหดรัดรูปเพิ่มเป็น 185 ล้านเมตร และแผนงานเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในกลุ่มฟิล์มหดรัดรูปใสที่มีความหดตัวสูง (POF Shrink Film) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ซึ่งจะทำให้ฟิล์มหดรัดรูปของ SFT ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

“การขาย Big Lot ครั้งนี้ เป็นการปรับสัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นภายในของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ระหว่างกลุ่มครอบครัวทอยและกลุ่มครอบครัวปิยะตรึงส์ ซึ่งไม่กระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ เนื่องจากกลุ่มครอบครัว ทอย และครอบครัวปิยะตรึงส์ มีเป้าหมายเดียวกันที่จะมุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กร นอกจากนี้ ผมยังคงมุ่งมั่นบริหารงานบริษัทฯ ต่อไป เพื่อนำ SFT ให้ก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจรในภูมิภาคนี้” นายซุง ชง ทอย กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเร่งติดตั้งเครื่องจักร หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2563 ได้มีมติการอนุมัติให้มีการลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับความต้องการของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงแผนการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ สนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทฯได้ประมาณการอัตราการใช้เครื่องจักรในการผลิตฉลากฟิล์มหดรัดรูปเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 70% ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2563 สามารถทำนิวไฮสูงสุดในรอบปีนี้