HoonSmart.com>> บอร์ด “เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย” อนุมัติแผนจับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน 3 บริษัท “คลินิคศัลยกรรมตกแต่ง การดูแลรักษาปัญหาเส้นผมแบบครบวงจร สถาบันสอนทำอาหาร” ต่อจิ๊กซอว์รุกธุรกิจสุขภาพ ความงามและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างครบวงจร
จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 อนุมัติแผนจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่รวม 3 บริษัท ได้แก่ 1. บริษัทเจเคเอ็น แฮร์นาว จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจการรักษาปัญหาด้านเส้นผมครบวงจร โดย JKN จะเข้าไปถือหุ้น 70% 2. บริษัท เจเคเอ็น ออร่า จำกัด ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท ซึ่ง JKN จะถือหุ้น 50% ดำเนินธุรกิจคลินิคศัลยกรรมตกแต่ง และ 3.บริษัท เจเคเอ็น วันดี คอลเลจ จำกัด ทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดย JKN ถือหุ้น 30% เพื่อดำเนินธุรกิจสถาบันสอนทำอาหาร โดยทั้ง 3 บริษัทดังกล่าว คาดว่าจะจดทะเบียนภายในเดือนมิ.ย.2564
นอกจากนี้ เจเคเอ็น ไอเอ็มซี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JKN จะทำการเพิ่มทุน จากเดิม 10,000,000 บาท เพิ่มเป็น 14,290,000 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 42,900 หุ้น ราคาพาร์ 100 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นเงิน 4,290,000 บาท เพื่อจำหน่ายให้แก่ ดร.วิชุดา ณ สงขลา ศรียาภัย หรือคิดเป็น 30.02% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ เจเคเอ็น ไอเอ็มซี โดย JKN จะปรับลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 69.98% จากเดิม 99.99% โดย ดร.วิชุดา จะเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เจเคเอ็น ไอเอ็มซี และรับผิดชอบในการดูแลธุรกิจด้านการผลิตคอนเทนท์ให้กับ JKN
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN กล่าวว่า การตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการรุกธุรกิจด้านสุขภาพและความงามเต็มรูปแบบ ครอบคลุมทุกความต้องการของผู้บริโภคอีกทั้งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูงในประเทศไทย จึงเป็นโอกาสของกลุ่ม JKN ในการใช้ความเชี่ยวชาญในการทำตลาดและการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจ ตลอดจนการเข้าถือหุ้นสถาบันสอนทำอาหารนั้น ถือเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่นิยมเรียนทำอาหารกันมากขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่กลุ่ม JKN มองว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ดีและสามารถเข้ามาช่วยต่อยอดเสริมสร้างความแข็งแกร่งในอาณาจักรเจเคเอ็น ทั้งนี้ยังสามารถช่วยบริหารความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพียงอย่างเดียวในช่วงที่ผ่านมา