เงินกำลังรอซื้อหุ้น

ในช่วงที่หุ้นตกโดยเฉพาะในเดือนมิ.ย. นักลงทุนมีการขายหุ้น Block Trade ลดสถานะคงค้างลง 31.8% เหลือเพียง 2,153,249 สัญญา กบข.ลดพอร์ตหุ้นไทยจาก 9% เหลือ 7% เตรียมจัดตั้งกองทุนหุ้นยั่งยืน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนต่างชาติขายน้อยลง หลังยอดถือครองหุ้นต่ำสุดในประวัติการณ์ 22.85% จากระดับสูงสุดกว่า 30% ในปี 2556

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในช่วงนี้พอร์ตลงทุนของ กบข. ปรับลดสัดส่วนการลงทุนหุ้นลงจาก 9% ตั้งแต่ต้นปี เหลือ 7% ในปัจจุบัน เพื่อบริหารความเสี่ยงในช่วงตลาดหุ้นขาลง และลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวจาก 26% เหลือ 22% พร้อมกับเพิ่มพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นจาก 16% เป็น 23% ทำให้อายุเฉลี่ยตราสารหนี้ลดลงจาก 2.8 ปี เหลือ 1.8 ปี

วิทัย รัตนากร

“ราคาหุ้นลงมามากแล้ว แต่ระยะสั้นยังผันผวนอยู่ เพราะฉะนั้นช่วงนี้กลยุทธ์การลงทุนจะเป็นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นบ้าง แต่พอปัจจัยต่างๆ เริ่มคลี่คลาย สงครามการค้ามีความชัดเจนมากขึ้น อาจจะเป็นจังหวะที่เข้าไปเริ่มซื้อสะสม และมีโอกาสที่จะทำให้การลงทุนหุ้นเพิ่มขึ้นไปเป็น 9% ตามเดิม อย่างไรก็ตามสำหรับผลดำเนินงานของ กบข. ในปีนี้ถ้าได้ 2-3% ก็ดีใจแล้ว” นายวิทัย กล่าว

นอกจากนั้น ภายในเดือน ก.ย. นี้ กบข. จะจัดตั้งกองทุน ESG-Focused Portfolio มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนหุ้นยั่งยืนในประเทศ ซึ่งเป็นหุ้นที่มีความโดดเด่นด้านการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ( ESG) นำดัชนี SET THSI ของตลาดหลักทรัพย์มาเป็นตัวเทียบวัดผลตอบแทนของกองทุน (Benchmark) บริษัทที่มี ESG ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทที่ดี มีความมั่นคง เชื่อได้ว่าจะมีความผันผวนต่ำ ซึ่งลดความเสี่ยงในการลงทุน และมีโอกาสที่จะให้ผลตอบแทนที่ดี เห็นได้จากสถิติผลดำเนินงานของหุ้น ESG ในต่างประเทศ

พร้อมกันนี้ ในปี 2562 กบข. ยังมีแผนที่จะขยายการลงทุนหุ้น ESG ต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งการนำหลักการ ESG ไปใช้ในการคัดเลือกลงทุนสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ เช่น หุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ อสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการคัดเลือกผู้จัดการกองทุน ที่จะเข้ามาบริหารเงิน กบข. จะต้องปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน (I Code) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

ทางด้านการลงทุนผ่าน Block Trade นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ผู้ให้บริการธุรกรรมที่มีส่วนแบ่งการตลาดธุรกรรม SSF Block Tradeในเดือนมิ.ย. 9.66% เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นเดือนมิ.ย.ลดลง 7.61% ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย Block Trade ฟิวเจอร์สอ้างอิงหุ้นรายตัวเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 4,780 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 11.51% ของมูลค่าการซื้อขายหุ้นอ้างอิงบนกระดานหลัก เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 10.58% เพราะหุ้นผันผวนสูง ถือเป็นโอกาสเข้ามาเก็งกำไร ทั้งตลาดขาขึ้นและขาลง

อย่างไรก็ตาม สัญญา Block Trade คงค้างรวมลดลง 31.8% เหลือเพียง 2,153,249 สัญญา คิดเป็น 84.89% ของสัญญา เทียบกับจำนวนจาก 3,158,110 สัญญา ในเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากดัชนีปรับลดลง บวกกับเป็นช่วงฤดูกาลหมดอายุสัญญาของ Series M ที่มีนักลงทุนเข้ามาปิดสถานะหรือต่ออายุหรือ Rollover

บล.เอเซียพลัส ระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิกว่า 5.8 แสนล้านบาท และขณะนี้แรงขายเริ่มเบาบางลง เนื่องจากสถานะการถือครองหุ้นลดลงมาอยู่ที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ 22.85% (เฉพาะส่วนที่ปิดโอนเป็นชื่อนักลงทุนต่างชาติ )เทียบกับระดับสูงสุดกว่า 30% ในปี2556 อาจจะทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงไม่มาก จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานดีกลุ่มในประเทศเพื่อเลี่ยงความผันผวนจากต่างประเทศ

“เราเลือก BBL (มูลค่าเหมาะสม 220 บาท ) ซึ่งน่าจะเป็นไตรมาสที่ตํ่าสดของปีก่อนจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง และ BJC ให้มูลค่า 69 บาท จุดเด่นมาจากกำไรสุทธิปีนี้คาดเติบโตถึง 38% โดยเฉพาะครึ่งปีหลัง ได้แรงหนนจากเทศกาลฟุตบอลโลก การเปิดโรงผลิตขวดแก้วแห่งใหม่ที่เวียดนาม รวมถึงการบันทึกภาษีคืน”บล.เอเซียพลัสระบุ