HoonSmart.com>> “ท่าอากาศยานไทย” กำไรงวดปี 63 เหลือ 4,321 ล้านบาท วูบ 83% จากปีก่อน พิษโควิด-19 ล็อคดาวน์ฉุดรายได้รวมลดลง ด้านบล.ฟินันเซียฯ มองแนวโน้มปี 64 ยังขาดทุน แนะรอซื้อช่วงอ่อนตัว เป้า 70 บาท บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ให้ราคาเหมาะสม 56 บาท
บริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. (AOT) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2563 (1 ต.ค.2562-30 ก.ย.2563) กำไรสุทธิ 4,320.67 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.30 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 25,026.371 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.75 บาท
บริษัทฯ ชี้แจงกำไรลดลงจากปีก่อน 20,705.69 ล้านบาท หรือ -82.74% โดยมีรายได้รวมลดลง 31,291.28 ล้านบาท รายได้จากการขายหรือการให้บริการลดลง 31,604.31 ล้านบาทหรือ -50.34% จากการลดลงทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 18,384.45 ล้านบาท หรือ -52.51% และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 13,219.86 ล้านบาท หรือ 47.60% ส่วนรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 313.03 ล้านบาท หรือ 17.55%
ด้านค่าใช้จ่ายรวมลดลง 5,143.55 ล้านบาท หรือ 15.55% และภาษีเงินได้ลดลง 5,350.72 ล้านบาท หรือ 83.75% สอดคล้องกับกำไรลดลง
บริษัทฯ มีรายได้ลดลง เนื่องจากการลดลงของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร สาเหตุหลักจากมาจากการแพร่ระบาด COVID-19 ส่งผลต่อการเดินทางเข้าออกประเทศไทยและทั่วโลก อีกทั้งรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินลดลง เนื่องจากการลดลงของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จำนวน 9,302.36 ล้านบาท หรือ 53.26% ซึ่งลดลงตามจำนวนผู้โดยสารและผู้ใช้บริการภายในท่าอากาศยาน โดยรายการหลักๆ ที่ลดลงมาจากธุรกิจร้านค้าปลอดอากร และธุรกิจจากการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์
นอกจากนี้ยังมีการลดลงของรายได้เกี่ยวกับบริการจำนวน 3,459.42 ล้านบาท หรือ 43.19% ส่วนใหญ่ลดลงจากค่าบริการตรวจสอบผู้โดยสารล่วงหน้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับจำนวนผู้โดยสารที่ลดลง
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มอง AOT แม้กำไรปี 63 จะทรุดตัวลง 83% จากงวดปีก่อน แต่ในเชิง Trading นักลงทุนมองข้ามช็อตหลังโควิด-19 มีวัคซีนและยา จะทำให้ธุรกิจบริหารสนามบินฟื้นตัวได้เร็ว แม้ทางพื้นฐานฝ่ายวิจัยฯให้ราคาเหมาะสมเพียง 56.00 บาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า AOT ขาดทุนปกติไตรมาส 4/63 ที่ 3,609 ล้านบาท ต่ำกว่าตลาดคาด รวมถึงมีการตั้งด้อยค่าสนามบินหาดใหญ่ราว 1,200 ล้านบาท ทำให้ทั้งปีกำไรเพียง 3,236 ล้านบาท ลดลง 87% จากงวดปีก่อน แนวโน้มปี 2564 ยังขาดทุน ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท เชิงกลยุทธ์แนะนำ “รอซื้ออ่อนตัว”