ดีบีเอสฯ เปิด 23 หุ้นกำไร 9 เดือนโตสวนตลาด ปรับมุมมอง 4 กลุ่มดีขึ้น

HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ปรับมุมมอง 4 กลุ่มดีขึ้น “แบงก์-พลังงาน-ท่องเที่ยว-ขนส่ง” คาดผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ทยอยฟื้นตัวรับเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น คัด 6 หุ้นเด่นแนะนำ KBANK – PTT – PTTEP – ERW – BEM – BTSGIF พร้อมเปิดโผ 23 หุ้น โชว์กำไร 9 เดือนโตสวนตลาด คาดไตรมาส 4/63 กำไรบจ.ดีขึ้นต่อเนื่อง หนุนทั้งกำไร 5.1 แสนล้านบาท จาก 9 เดือนแรกอยู่ที่ 3.5 แสนล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ปรับมุมมองดีขึ้นในกลุ่มธนาคาร พลังงาน ท่องเที่ยว และขนส่ง เนื่องจากคาดว่าทั้ง 4 กลุ่มหลักได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและกำลังทยอยฟื้นตัว โดยเศรษฐกิจที่กระเตื้องขึ้นทำให้ความเสี่ยงของสถาบันการเงินลดลง และฐานะเงินกองทุนธนาคารพาณิชย์ไทยมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปได้ (ธปท.จึงอนุมัติให้แบงค์จ่ายปันผลสำหรับปี 63 แบบมีเงื่อนไขได้ คือ อัตราการจ่ายไม่เกินปี 62 และไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิ)

ด้านราคาน้ำมันทยอยปรับขึ้น (แต่จะไม่เร็ว) มีโอกาสที่กลุ่มโอเปกพลัสจะเลื่อนการผลิตเพิ่ม 2 ล้านบาร์เรลออกไปอีก 3-6 เดือนเพราะโควิดระบาดระลอกใหม่ การท่องเที่ยวและเดินทางในประเทศคึกคักขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลและคาดว่าในปี 64 จะทยอยฟื้นตัว รวมทั้งเมื่อมีวัคซีนโควิดใช้อย่างแพร่หลายในอีก 12-15 เดือนข้างหน้า ธุรกิจก็จะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

สำหรับหุ้นเด่นเชิงกลยุทธ์ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คือ KBANK ส่วนกลุ่มพลังงานเป็น PTT, PTTEP และหุ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยวและขนส่งเป็น ERW, BEM, BTSGIF

ส่วนกลุ่มที่บล.ดีบีเอสฯ ยังคงชอบอยู่คือ อาหารและโรงพยาบาล เนื่องจากเกี่ยวข้องกับความจำเป็นในชีวิตประจำวัน และธุรกิจกำลังทยอยฟื้นตัว หุ้นเด่นในกลุ่มอาหาร คือ CPF, GFPT ส่วนกลุ่มโรงพยาบาลเป็น BDMS, CHG, RJH

ด้านกำไรสุทธิไตรมาส 3/63 ของตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว +25% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่หดตัว -32% เมื่อเทียบไตรมาส 3/62 เป็น 1.49 แสนล้านบาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 63 กำไรสุทธิลดลง -49% เมื่อเทียบ 9 เดือน ปี 62 เป็น 3.5 แสนล้านบาท แต่การหดตัวแรงอยู่ในคาดการณ์ของตลาดแล้ว

กลุ่มที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือน ปี 63 เติบโตสวนภาพรวม คือ
1. กลุ่มเกษตร – นำโดย STA
2. กลุ่มวัสดุก่อสร้าง – บริษัทที่กำไรเติบโตได้คือ COTTO, DCC, SCCC, TASCO
3. กลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ – บริษัทที่เติบโตได้เป็น DELTA, KCE, SVI
4. กลุ่มบรรจุภัณฑ์ – บริษัทที่กำไรขยายตัว คือ AJ, ALUCON, BGC, SFLEX, SMPC, SPACK, TCOAT, THIP, TOPP, TPBI
5. กลุ่มของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ – นำโดย STGT และมีบริษัทอื่นในกลุ่มนี้ที่กำไรเติบโตได้ด้วย เช่น APCO ,S&J, STHAI, TNR

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 4/63 และทั้งปี 63 คาดว่ากลุ่มที่เกี่ยวกับการบริโภคและท่องเที่ยวในประเทศจะฟื้นตัวต่อจากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับกลุ่มชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์และส่งออกจะถูกกระทบจากค่าเงินบาทแข็ง กลุ่มธนาคารยังตั้งสำรอง ECL สูง กลุ่มพลังงานคาดว่าจะมีกำไรจากสต็อกเล็กน้อยถ้าราคาน้ำมันดิบทรงตัวอยู่ในระดับปัจจุบัน ซื้อสูงกว่าระดับปิดสิ้นไตรมาส 3/63 ประมาณ 4-5%

ส่วนกลุ่มอื่นๆ มีทั้งดีขึ้นและอ่อนลง แต่โดยภาพรวมในเบื้องต้นประเมินว่ามีโอกาสที่กำไรสุทธิตลาดหุ้นไทยใน ไตรมาส 4/63 จะดีขึ้นต่อจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งทำให้ทั้งปี 63 กำไรสุทธิโดยรวมจะ -47% เมื่อเทียบงวดปี 62 เป็น 5.1 แสนล้านบาท (9 เดือน ปี 63 เท่ากับ 3.5 แสนล้านบาท)