BTS ฟาดกำไรลงทุน 6 บจ.กว่า 2 พันลบ. ทุ่ม 331 ลบ.ซื้อหุ้น ANAN พันธมิตรธุรกิจ

HoonSmart.com>> “บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” กวาดกำไรพิเศษกว่า 2.1 พันล้านบาท หลังซื้อบิ๊กล็อต 6 บจ. ตัวล่าสุดทุ่มกว่า 331 ล้านบาท เก็บ”อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์”  7.5% ราคาเฉลี่ย 1.326 บาท ถูกกว่าตลาด โดดถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 “ชานนท์ เรืองกฤตยา” เผยตัดขายหุ้น เพื่อร่วมมือธุรกิจกับผู้นำระบบขนส่งมวลชน พร้อมธุรกิจในกลุ่ม ส่วน “วีจีไอ” รอรับทรัพย์ก้อนใหญ่ ส่ง”เคอรี่ เอ็กซ์เพรส”ขาย IPO 300 ล้านหุ้น เข้าตลาดทันปีนี้ 

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) มีสภาพคล่อง และเงินสดล้นมือ ไม่หยุดการลงทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาผลตอบแทนสูง และเพิ่มพันธมิตร ต่อยอดธุรกิจ ปัจจุบันลงทุนหุ้นอย่างน้อย 6 บริษัท สบจังหวะในช่วงราคาต่ำ ส่งผลให้ได้รับกำไรสูงกว่า 2,135 ล้านบาท คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 16 พ.ย. 2563 โดยหุ้น บริษัท คอมเซเว่น ( COM7) ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดกว่า 1,080.88 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 85% จากการเข้าซื้อจำนวน 59 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 21.43 บาท ในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาดหนัก ๆ ประเทศไทยและหลายประเทศต้องล็อกดาวน์ประเทศ แต่ปัจจุบันราคาหุ้นกระโดดขึ้นมา ซื้อขายบริเวณ 39.75 บาท เพราะผู้บริหารเก่ง สามารถนำพาธุรกิจให้มีกำไรสวนทางวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ไปได้อย่างสวยงาม

ล่าสุด  BTS ได้รายงานก.ล.ต.ว่า วันที่ 11 พ.ย. 2563ได้มาหุ้นของบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) โดยซื้อบิ๊กล็อตจากนายชานนท์ เรืองกฤตยา จำนวน 249.98 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7.5% ของทุนชำระแล้ว ในราคาสูงสุดเฉลี่ย 1.326 บาท มูลค่า 331.47 ล้านบาท ทั้งนี้ต่ำกว่าประมาณ 18% เทียบกับราคาตลาดในวันนั้นปิดที่ระดับ 1.62 บาท

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยว่า ธุรกรรมระหว่างอนันดาฯ กับ BTS ในครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของความร่วมมือทางธุรกิจในอนาคตระหว่างอันดับหนึ่งของผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมตามระบบขนส่งมวลชน กับอันดับหนึ่งผู้พัฒนาและดำเนินงานด้านระบบขนส่งมวลชน พร้อมด้วยธุรกิจในเครือ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจสื่อ ธุรกิจ e-wallet และ reward system รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์

ปัจจุบันอนันดาฯ เป็นผู้นำพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้ามากกว่า 20 ปี และยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาที่อยู่อาศัยในรูปแบบดังกล่าวต่อไป ตามการเจริญเติบโตของการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนแบบราง การร่วมมือนี้จะช่วยต่อยอดความสำเร็จในการทำธุรกิจและสนับสนุนให้มีการเติบโตตลอดไป

“อนันดาฯ เป็นบริษัทที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เรามองหาโอกาสการเติบโตในทุกรูปแบบ ทั้งจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ติดรถไฟฟ้าที่เรามีความแข็งแกร่ง รวมถึงหาพันธมิตรเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตในอนาคต ส่วนตัวได้ขายหุ้นออกมาบางส่วน แต่ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งอยู่” นายชานนท์ กล่าว

จากข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 12 พ.ค.2563 นายชานนท์ ถือหุ้นใหญ่ 38.98% อันดับสอง นาย พิพัฒ พะเนียงเวทย์ ถือ 8.18% หลังการเข้าซื้อหุ้นส่งผลให้ BTS จะถือหุ้นใหญ่อันดับ 3

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัท บีทีเอส ก็มีการขายเงินลงทุนออกด้วยเช่นกัน เมื่อเร็ว ๆนี้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง จำนวน 44.76% ของบริษัท วีจีไอ(VGI) ได้ขายหุ้น VGI บิ๊กล็อตให้นักลงทุนสถาบัน จำนวน 1.3 พันล้านหุ้น ประมาณ 15.1% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องหุ้นในตลาด และนำเงินไปลงทุนต่อยอดโครงการใหม่ๆ จากก่อนหน้านี้ BTS ได้มีการทยอยขายหุ้น VGI ออกมาหลายล็อตเช่นกัน ปัจจุบันถือหุ้นอันดับสอง สัดส่วน 21.45% ส่วนบริษัท ยู ซิตี้ (U) ขายหุ้นบริษัทเนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป(NMG) ทั้งหมด 9% เศษ คิดเป็นจำนวน 406.39 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.17 บาท มูลค่า 69 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัท VGI ที่มีการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจ เมื่อบริษัทเติบใหญ่ และมีความแข็งแกร่ง ก็ผลักดันเข้าตลาดหุ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทวีจีไอ หุ้นที่ฮือฮามากที่สุด คือ บริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ทันปี 2563 ล่าสุด สำนักงานก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 300 ล้านหุ้น

นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) กล่าว บริษัทได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นผู้ขับเคลื่อนธุรกิจรายแรก ที่พัฒนาคุณภาพการบริการอย่างรวดเร็วไม่เคยหยุดพัฒนาและสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในตัวแปรสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซ มุ่งมั่นรักษาความเป็นผู้นำธุรกิจอย่างต่อเนื่องผ่านนวัตกรรมและบริการที่เป็นเลิศ

ปัจจุบัน เคอรี่ เอ็กซ์เพรส ให้บริการลูกค้าในธุรกิจที่หลากหลาย ผ่านเครือข่ายที่ครอบคลุม ด้วยจุดให้บริการกว่า 15,000 จุดและศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่งทั่วประเทศ

“เราขับเคลื่อนด้วยคนและเทคโนโลยี จึงมุ่งมั่นยกระดับมาตรฐานความเป็นผู้นำธุรกิจของเราอย่างไม่หยุดยั้ง โดยให้ความสำคัญอย่างมากกับคุณภาพการบริการและนวัตกรรม รวมทั้งความใส่ใจต่อพนักงานและพันธมิตร เพราะเราคือ “ผู้นำด้านการจัดส่งพัสดุด่วนสำหรับทุกคน” นายอเล็กซ์ อึ้ง  กล่าว

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์   ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า  บริษัท เคอรี่ ฯ มีศักยภาพการเติบโตสูงและอยู่ในธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเมกะเทรนด์ด้านอีคอมเมิร์ซ

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรสฯเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนภาคเอกชนในประเทศไทยและเป็นผู้ประกอบการรายแรกในธุรกิจ  ที่เดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่สำคัญสำหรับการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซและโซเชียลคอมเมิร์ซในประเทศไทยอีกด้วย

ด้านผลการดำเนินงานของบริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรสฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปี 2560-2562 มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 6,626.41 ล้านบาท 13,565.35 ล้านบาท และ 19,781.93 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 730.26 ล้านบาท 1,185.10 ล้านบาท และ 1,328.55 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2563  บริษัทสามารถรักษารายได้อยู่ที่ 14,688.92 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ในขณะที่มีกำไรสุทธิ 1,030.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  แม้สภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ก็ตาม